…เรียงร้อยธรรมตามรายทาง…
…ดูหนังดูละครแล้วจงย้อนมาดูกายให้ใจของเรานั้นมาอยู่กับเนื้อกับตัวไม่หลงเมามัวไปตามกิเลสและตัณหามีสติสัมปชัญญะระลึกรู้และรู้ตัวทั่วพร้อมน้อมเข้ามาระลึกรู้ถึงกายและจิตของตัวเองดูกาย ดูจิต ให้รู้ความคิด ให้รู้การกระทำมีคุณธรรมคือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป คุ้มครองจิตในการที่จะคิดและในการที่จะกระทำ ทำได้อย่างนั้นแล้วท่านจะพบกับความสุขในชีวิต…
…ธรรมะเป็นเรื่องของการกระทำไม่ใช่คำสอนที่อยู่ในคัมภีร์หรือใบลานไม่ใช่การอ่านให้จำได้แล้วเอาไปอวดรู้ธรรมะทั้งหลายอยู่ที่กายและที่จิตอยู่ในทุกความคิดและทุกอย่างที่ทำเพราะว่าธรรมะนั้นคือธรรมชาติของจิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามจังหวะเวลาและโอกาส สอดคล้องกับความเป็นจริงของธรรมชาติทั้งหลาย…
…ถ้าจิตใจเศร้าโศกไม่เบิกบานร่าเริงแล้วความเป็นมงคลทั้งหลายก็จะหายไปหมดแต่ถ้าจิตใจไม่เศร้าโศก มีแต่ความร่าเริงแจ่มใสเกษมสำราญ ความเป็นมงคลทั้งหลายก็จะปรากฏขึ้น ดั่งคำที่ว่า “จิตดี กายเด่นจิตด้อย กายดับ” เมื่อจิตใจเป็นกุศลความเป็นมงคลทั้งหลายก็จะเกิดขึ้น…
…อย่าลุอำนาจแก่ความโกรธเป็นอันขาดเพราะเมื่อความโกรธนั้นเกิดขึ้นแล้วมันจะมืดมิดปิดบังปัญญา คิดแต่จะเอาชนะเพียงอย่างเดียว ทั้งที่จริงแล้วมันกำลังแพ้ตัวเอง แพ้ความโกรธของตัวเองถ้าระงับความโกรธไม่ได้ใจก็ไม่เป็นสุขเพราะฉะนั้นอย่าเอาความโกรธมาเป็นอารมณ์มาเป็นตัวของตัวเป็นอันขาดพึงข่มความโกรธด้วยการเจริญสติการลดทิฏฐิ การให้อภัย ทำแล้วใจของเรานั้นจะสบาย…
…สรรพสิ่งไม่หยุดนิ่งเคลื่อนไหวแปรเปลี่ยนไปตามจังหวะและฤดูกาลเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ไม่นานก็ดับสะลายไปสิ่งใหม่ก็เคลื่อนไหวเกิดข้นแทนที่เป็นอย่างนี้ต่อเนื่องสืบต่อเรื่อยมาจนไม่รู้ว่ามีการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเพราะว่าจิตใจนั้นหลงใหลเผลอสติลืมกายลืมจิตไม่ได้คิดพิจารณา จึงไม่รู้ว่ามีการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปทุกขณะ…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕…