รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๖๕

…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๖๕…

…อย่าไปวุ่นวายใจกับคำนินทา เราไม่เก็บคำนินทามาคิด จิตเราก็จะสบาย คำติฉินนินทานั้นคือยาชูกำลังที่จะยับยั้งไม่ให้เราหลงระเริงหยิ่งผยองลำพองใจ คำนินทานั้นคือสิ่งกระตุ้นเตือนตัวเราได้คิดพิจารณาตัวของเรา เขาติดีกว่าเขาชม ทำให้เรารู้ตัวว่าเขาคิดอย่างไรกับเรา ซึ่งถ้าตัวเรานั้นเป็นจริงอย่างที่เขานั้นกล่าวนินทา เราก็จะได้รู้และปรับปรุงแก้ไข แล้วเราจะไปโกรธเขาทำไม ซึ่งถ้าเราไปโกรธตอบต่อเขาก็เท่ากับเรานั้นกำลังแพ้ภัยกิเลสในใจของเรานั้นเอง….

…คำโบราณ ท่านกล่าว ไว้ไม่ผิด
ถึงความคิด ความจำ ในเนื้อหา
เพียงจำได้ หมายรู้ คือสัญญา
ไม่นำมา ปฏิบัติ ให้ชัดจริง

…รู้ท่วมหัว เอาตัว นั้นไม่รอด
รู้ตลอด แต่ไม่ทำ น่าขำยิ่ง
สักแต่รู้ เพียงแต่เห็น ไม่เป็นจริง
จึงเป็นสิ่ง เพียงแต่รู้ ดูเคลือบแคลง

…เพราะอ่านมาก รู้มาก จึงยากนาน
จิตฟุ้งซ่าน เพราะคิด จิตปรุงแต่ง
เพราะความจำ มันมาก และรุนแรง
มันปรุงแต่ง ก่อนเกิด ทุกครั้งไป

…มันจึงเป็น ความคิด จิตกำหนด
ที่ปรากฏ ให้เห็น ต้องแก้ไข
ต้องละวาง ความจำ นั้นออกไป
เริ่มต้นใหม่ ทิ้งสัญญา มาทำจริง

…ให้ทุกอย่าง เป็นไป ตามเหตุผล
ฝึกทำตน อยู่กับ สรรพสิ่ง
ให้สงบ พบธรรม ที่เป็นจริง
ให้จิตนิ่ง โดยธรรม ที่ทำมา

…อย่าไปรู้ ก่อนเกิด ประเสริฐสุด
จิตมนุษย์ นั้นชอบ แสวงหา
เป็นความฝัน ของจิต จินตนา
สร้างมายา หลอกจิต คิดไปกัน

… เพราะอัตตา มานะ ตัวทิฏฐิ
จึงดำริ ปรุงแต่ง และแข่งขัน
อยากจะมี อยากจะเห็น ที่เป็นกัน
อยู่กับฝัน สร้างภาพ คือมายา

…เมื่อละวาง ความคิด จิตปรุงแต่ง
ก็พบแสง แห่งธรรม ที่ใฝ่หา
ได้รู้ธรรม เห็นธรรม พระสัมมา
จึงรู้ว่า ที่ผ่านมา นั้นผิดทาง

…เริ่มต้นใหม่ ตั้งใจ ปฏิบัติ
ฝึกขจัด ความคิด ทำจิตว่าง
ละอัตตา ตัวตน ให้เบาบาง
ให้ทุกอย่าง คืนสู่ ธรรมดา

…ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
ให้รู้เหตุ ที่เกิด ของปัญหา
เจริญจิต เจริญธรรม ภาวนา
ฝึกค้นคว้า ทบทวน ในทางธรรม….

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *