…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๗…
…มีหลายคนมาบ่นระบายให้ฟังอยู่เสมอว่า “ทำดีไม่ได้ดี ทำดีแล้วไม่มีคนยอมรับ” หรือทำความดี แล้วมีคนมานินทาให้ร้ายจึงทำให้ไม่อยากจะทำความดีอีกต่อไปน้อยอกน้อยใจในเสียงสะท้อนที่ตอบกลับมาจึงได้มาบ่นระบายให้พระฟัง
…ทุกชีวิตย่อมมีความผิดพลาดมากบ้างน้อยบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชนคนที่ยังไม่หมดกิเลส สติยังไม่สมบูรณ์เต็มพร้อมในทุกขณะจิต ความคิดและการกระทำย่อมอาจจะมีพลั้งเผลอ ไปตามแรงกิเลสตัณหาและอุปาทาน แต่เมื่อใดที่มีสติระลึกรู้แล้วควรห้ามจิตห้ามใจไม่กระทำในสิ่งนั้นต่อความรู้สึกส่วนลึกใต้จิตสำนึกของทุกคนนั้นต่างก็อยากจะเป็นคนดีของสังคม
…แต่บางครั้งการมีทัศนคติต่อสังคมในแง่ร้ายของเขานั้น ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปในทางไม่ดีโดยมีพฤติกรรมทางกายที่เรียกว่า การประชดสังคม อ้างว่าสังคมไม่ให้โอกาสเขา ทั้งที่ความจริงแล้ว สังคมเปิดโอกาสให้เขาอยู่ตลอดเวลาแต่ต้องใช้ระยะเวลาเป็นตัวพิสูจน์เพื่อให้สังคมยอมรับและเชื่อมั่นในพฤติกรรม
…เพราะความใจร้อนที่อยากจะได้ผลตอบรับโดยเร็วไว จึงทำให้คิดว่าสังคมไม่ให้โอกาสเขาไม่ยอมรับในความดีที่เขาได้ทำ ซึ่งความสำเร็จทุกอย่างนั้นต้องอาศัยความอดทน จังหวะเวลาโอกาสบุคคลและสถานที่มาเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดความสำเร็จ ความยอมรับของสังคมการกระทำที่เสมอต้นเสมอปลาย ในสิ่งที่ดีทั้งหลายนั้น จะเป็นสิ่งพิสูจน์ให้สังคมเขายอมรับ…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๘ มีนาคม ๒๕๖๕…