…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๘…
….กาลเวลานั้นย่อมหมุนเวียนและเปลี่ยนไป ไม่มีเวลาที่จะสิ้นสุดและหยุดนิ่งสรรพสิ่งย่อมเคลื่อนไหวโลกนั้นแปรเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง กระแสแห่งโลกนั้นจึงไม่มีวันที่จะสิ้นสุดและหยุดอยู่
…แต่จิตของมนุษย์นั้นย่อมมีวันที่จะสิ้นสุดและหยุดนิ่ง ถ้าได้รู้และได้เห็นความเป็นจริงของชีวิตจิตวิญญาน สิ้นสุดด้วยการที่รู้จักพอโดยไม่ร้องขอและแสวงหาอีกต่อไป…
…มากมาย หลายเรื่องราว
ซึ่งข่าวคราว ที่ส่งมา
ร้อยเรื่อง ร้อยปัญหา
ทำให้คิด และติดตาม
…ทางโลก และทางธรรม
จิตน้อมนำ มิมองข้าม
เฝ้าดู อยู่ทุกยาม
เฝ้าดูจิต ที่คิดไป
…ผัสสะ มากระทบ
และมันจบ ลงที่ใจ
บางครั้ง จิตหวั่นไหว
ต่อผัสสะ ที่มีมา
…คล้อยตาม กระแสโลก
จึงทุกข์โศก กับปัญหา
เพราะจิต มีอัตตา
ชี้ถูกผิด ด้วยจิตตน
…พลั้งเผลอ ใช่พลั้งพลาด
มีโอกาส จะฝึกฝน
เผลอไป ให้รู้ตน
เตือนสติ ให้กลับมา
…วางจิต อยู่ในกาย
ไม่เสาะส่าย ออกไปหา
ดูจิต ดูกายา
ไม่ส่งจิต ออกนอกกาย
…จิตที่ ส่งออกนั้น
รู้ให้ทัน อย่าให้หาย
เป็นเหตุ สมุทัย
ทำให้ทุกข์ นั้นเกิดมา
…จิตรู้ จิตเห็นจิต
เห็นความคิด รู้ปัญหา
สิ่งนั้น คือมรรคา
ที่จะดับ ทุกข์นั้นไป
…ผลจาก การเห็นจิต
ดับสนิท สิ้นสงสัย
สว่าง ขึ้นในใจ
เป็นนิโรธ ที่ดับลง
…วางจิต ไว้ในกาย
อย่างมั่นหมาย มิไหลหลง
ตั้งจิต ให้มั่นคง
โดยเอาธรรม มานำทาง
…นำทาง สร้างชีวิต
และนำจิต สู่สว่าง
เดินใน ทางสายกลาง
ตามมรรคแปด ควบคุมตน
…ชีวิต อิสระ
ไร้พันธะ เพราะหลุดพ้น
หลุดออก จากวังวน
ในวัฏฏะ ที่เป็นมา
…เข้าสู่ กระแสธรรม
บุญหนุนนำ ให้ล้ำค่า
ก่อเกิด ซึ่งปัญญา
ตาสว่าง เพราะทางธรรม…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๙ มีนาคม ๒๕๖๕…