…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๑๐…
…ใคร่ครวญทบทวนสรุปเรื่องราวที่ผ่านมา มีหลากหลายบทบาทและลีลาที่ได้ดำเนินไปในทุกศาสตร์ทุกศิลป์ที่ได้ร่ำเรียนฝึกฝนมาจนเกิดความกระจ่างแก่ใจสิ้นความสงสัยในเรื่องพลังจิตที่ทำให้เป็นอิทธิปาฏิหาริย์คงจะถึงกาลที่จะต้องละวางจากพิธีกรรมเข้าสู่การปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ อย่างจริงจังเพราะวันเวลาของชีวิตนั้นยังอีกไม่ยาวไกล จึงต้องตั้งใจเร่งความเพียรให้มากขึ้น
…เคยมีผู้ปรารถนาดีที่อยากจะให้เรามีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมาติดต่อให้ไปออกในสื่อต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ธรรมะทั้งงานเขียนและการบรรยายธรรม แต่ก็ได้ปฏิเสธเขาไปเพราะว่าเราพึงพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่
…งานเขียนทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจากสภาวจิต จากความคิดในขณะนั้นเพียงเพื่อต้องการจะบันทึกไว้เพื่อเตือนใจตนและแบ่งปันแก่ผู้คนที่สนใจในธรรมทั้งหลาย ยังอยากจะอยู่อย่างเรียบง่าย เป็นสมณะไร้นามตามปกติที่เป็น
…เพราะการเปิดตัวต่อสาธารณะชนนั้น มันมีทั้งผลดีและผลเสีย ย่อมมีทั้งคนชอบและคนชัง กลายเป็นบุคคลสาธารณะ ที่ต้องพร้อมจะรับฟังคำติชมทั้งหลาย ชีวิตส่วนตัวนั้นก็จะหายไป เพราะสังคมจะเข้ามาบังคับให้วิถีชีวิตนั้นเปลี่ยนไปตามกระแสความต้องการของสังคม
…ความเป็นตัวตนที่แท้จริงจะหายไปเพราะกระแสสังคมแห่งโลกธรรมจะเข้ามามีบทบาทในการกำหนดชีวิตเราจึงยินดีและพอใจที่จะเป็นอยู่อย่างนี้อย่างที่เคยเป็นมา อยู่กับสภาวะแห่งความเป็นจริงในสิ่งที่เราเป็นอยู่คืออยู่กับปัจจุบันธรรม…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๑๑ มีนาคม ๒๕๖๕…