เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๐

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๐…

…เพราะความหลากหลายในบทบาทลีลาและหน้าที่ จึงทำให้มีภาพลักษณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละจังหวะ เวลาโอกาส สถานที่เป็นไปเพื่อให้ความเหมาะสมกับกิจที่กำลังทำไม่มีความกังวลใจในเรื่องภาพลักษณ์ของตนคนเอาจะมองอย่างไร มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา มีผู้ปรารถนาดีส่งคำตักเตือนแนะนำมาว่าควรจะรักษาภาพลักษณ์เพราะจะเสียหาย ก็ตอบกลับไปว่า

“ชีวิตนี้มันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วเพราะมันเคยเสียมาหมดแล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ มันมีแต่ได้ เพียงอย่างเดียว”

…ซึ่งคนรุ่นเก่าที่เคยรู้จักและคบหากันมานานก็จะเข้าใจในภาพลักษณ์ที่ได้เห็นและเป็นอยู่เพราะว่าเมื่อใดที่ชีวิตเราก้าวข้ามพ้นเรื่องของโลกธรรม ๘ อันได้แก่ สุข-ทุกข์ลาภ-เสื่อมลาภ ยศ-เสื่อมยศสรรเสริญ-นินทา ชีวิตนี้มันก็ไม่มีซึ่งความกังวลใจ วันเวลาของชีวิตที่เหลืออยู่นั้นมันจึงเป็นกำไรของชีวิตที่จะได้สั่งสมบารมีต่อไป

…เป็นกำลังใจให้แก่คนล่าฝัน…

…ชีวิต จิต วิญญาณ
ต่างต้องการดิ้นรนแสวงหา
เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข
แม้เพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยก็ยินดี
เพื่อที่จะได้มีกำลังใจ ที่จะอยู่สู้ต่อไป

…มนุษย์
เสพสุขอยู่กับความฝัน
จินตนาการไปกับคืนวัน
สร้างฝันเพื่อปลอบใจตนเอง
บางครั้งก็สุขสดชื่นสมหวัง
บางครั้งพลาดพลั้งฝันสลาย
ไม่มีอะไรจริงแท้และแน่นอน

…ฝันไปเถิดเจ้าจงฝัน
ฝันให้ไกลไปให้ถึงซึ่งความฝัน
อย่าท้อแท้เลิกร้างเสียกลางคัน
จงสานฝันนั้นให้เห็นเป็นความจริง
เพื่อเป็นรางวัลแด่ ชีวิต จิต วิญญาณ…..

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๒๑ มีนาคม ๒๕๖๕…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *