…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๔…
…พยายามถอดสลัดทิ้งหัวโขนที่เขานำมาใส่ให้ เพื่อคืนกลับสู่ความเป็นสามัญ เดินตามความฝันที่ได้ตั้งไว้ เพราะว่าวันเวลาของชีวิตนั้นเหลืออีกไม่มากแล้ว จึงต้องเร่งรีบหาเวลาปฏิบัติปรารภความเพียร
…ทำในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ เพื่อไปยังจุดหมายที่ตั้งไว้ สร้างทำสิ่งต่าง ๆ มามากมาย สิ่งเดียวที่ยังไม่ได้ทำสิ่งนั้นคือการทำกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป
….ที่ผ่านมานั้น ชีวิตในแต่ละวันต้องพบปะและสื่อสารกันกับผู้คนมากมาย แม้จะหลบหลีกมาอยู่ในที่ที่ห่างไกลจากชุมชนนั้นแล้วก็ตามก็ยังมีคนพยายามที่จะไปมาหาสู่ขึ้นมาเยี่ยมเยือนพบปะพูดคุยที่อยู่ห่างไกลก็ใช้การสื่อสารสมัยใหม่ในยุคไอทีเพื่อที่จะได้พูดคุยกัน
…วิถีโลกและวิถีธรรมจึงต้องดำเนินไปคู่กัน จึงเอาปัจจุบันธรรมมาพิจารณาเป็นอารมณ์กรรมฐานพิจารณาสิ่งทั้งหลายที่ได้เห็นให้เป็นธรรมะ พิจารณาให้เห็นถึงคุณและโทษ ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นพิจารณาลงไปในอริยสัจ ๔ ให้เห็นถึงปัญหา เห็นที่มา เห็นการตั้งอยู่เห็นที่ดับและทางไป อันได้แก่ ทุกข์สมุทัย นิโรธ มรรค โดยใช้หลักของพระไตรลักษณ์มาเป็นพื้นฐาน
…เห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พิจารณาให้เห็นและเข้าใจจนเกิดความเบื่อหน่ายจางคลายในทิฏฐิมานะ อัตตา ตัณหา และอุปาทาน เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปของโลกธรรมทั้ง ๘จนจิตจางคลายไม่เข้ายึดถือในสิ่งนั้นวางจิตนั้นให้เป็นกลาง มองทุกอย่างให้เป็นธรรมะ แล้วจะเกิดการลดละด้วยตัวของมันเอง…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๒๕ มีนาคม ๒๕๖๕…