…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๖๘…
…โยธากัมมัฏฐานเป็นการฝึกสติให้เจริญซึ่งกุศลจิต คิดและทำในสิ่งที่ชอบอันประกอบด้วยกุศลเป็นมงคลต่อชีวิต ไม่ผิดซึ่งพระธรรมวินัย เป็นไปเพื่อความเรียบง่ายอาจจะไร้รูปแบบ แต่ไม่ไร้สาระไม่เสียสมณรูป ให้ชาวโลกเขาติเตียนได้
…เพื่อปลดเปลื้องความกังวลใจในสิ่งที่ได้กล่าวไว้รับปากเขาไว้เมื่อเราได้ทำสิ่งนั้นให้มันสำเร็จลุล่วงไป ใจเราจะโปร่ง โล่ง เบามีปีติหล่อเลี้ยงจิต ส่งผลให้ จิตดีกายเด่น ความเจริญในธรรมย่อมบังเกิดขึ้น
… “ผลงานและกาลเวลา คือสิ่งพิสูจน์ตัวตน”
– พูดดี แต่อย่าดีแต่พูด-คิดดี แต่อย่าดีแต่คิด
– จงทำสิ่งที่คิดและที่พูดนั้น ให้เป็นรูปธรรมที่จับต้องสัมผัสได้
…นั้นคือสิ่งที่ควรคิดและเป็นกิจที่ได้ทำมา…
…กาพย์ยานี ๑๑…
๐ ร้อยเรื่อง ก็ร้อยรส
นั้นปรากฏ ให้พบเห็น
ที่มี และที่เป็น
ล้วนแตกต่าง กันออกไป
๐ ไม่เหมือน แต่ว่าคล้าย
ต่างจุดหมาย กันภายใน
ต่างคน ก็ต่างใจ
ล้วนคิดกัน คนละทาง
๐ เกิดจาก ความคิดเห็น
จึงได้เป็น ข้อแตกต่าง
อยู่ร่วม ในเส้นทาง
ความขัดแย้ง นั้นจึงมี
๐ ขัดแย้ง ทางความคิด
แบ่งถูกผิด ในทุกที่
มิตรภาพ ที่เคยดี
ต่อกันนั้น สลายไป
๐ ความเห็น ที่แตกต่าง
อาจมีทาง ร่วมกันได้
ถ้าหาก เราเข้าใจ
ไม่ก้าวล้ำ สิทธิกัน
๐ แสวงหา ซึ่งจุดร่วม
เพื่อจะรวม สมานฉันท์
จุดต่าง ไม่ว่ากัน
สงวนไว้ ไม่ล่วงเกิน
๐ ร่วมคิด และร่วมทำ
เพื่อจะนำ ให้เจริญ
ร่วมสร้าง เส้นทางเดิน
สู่สังคม อุดมการณ์
๐ เริ่มต้น จากตัวเรา
แล้วจึงเอา ไปเล่าขาน
ฝึกทำ ให้ชำนาญ
ฝึกนึกคิด ทำจิตดี
๐ ดีนอก และดีใน
ดีทั้งใจ และวจี
คิดทำ แต่กรรมดี
ฝึกจิตนั้น ให้มั่นคง
๐ มองโลก ทั้งสองด้าน
มองให้ผ่าน อย่าไปหลง
ซื่อสัตย์ และซื่อตรง
ต่อหน้าที่ ที่มีมา
๐ มีความ รับผิดชอบ
ซึ่งประกอบ ด้วยปัญญา
ฝึกฝน และค้นหา
เหตุปัจจัย ประกอบกัน
๐ เริ่มต้น จากความคิด
เริ่มจากจิต สมานฉันท์
เคารพ สิทธิกัน
สังคมนี้ ไม่วุ่นวาย…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕…