…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๑๗…
…ช่วงวัยของชีวิตที่ผ่านมาได้สัมผัสกับผู้คนที่หลากหลาย ได้เดินทางไปทั่วทุกจังหวัดของประเทศไทยได้เรียนรู้ในทุกวงการ มันเป็นประสบการณ์ของชีวิตที่มีคุณค่ามากมาย เพราะการเปิดกว้างในโลกทัศน์ ชีวทัศน์ นำมาซึ่งวิสัยทัศน์ทำให้มีมุมมองที่หลากหลายและเข้าใจในวิถีของแต่ละผู้คน เมื่อนำมาปรับใช้เข้าหาธรรม เมื่อเราเข้าใจในเรื่องโลกมันจึงง่ายที่เราจะเข้าใจธรรม
…อดีตที่ผ่านมานั้น ถ้าเรารู้จักการเรียนรู้วิเคราะห์และศึกษา นำอดีตเหล่านั้นมาเป็นบทเรียน สรุปความเป็นไปในชีวิตที่ผ่านมา เก็บเอาข้อดีของชีวิตมาคิดสานต่อและลดละข้อเสียทั้งหลายไป แก้ไขชีวิตของตนใหม่กำหนดทิศทางไปของชีวิต ไปตามที่จิตนั้นปรารถนา มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในบุญกุศลที่ตนได้กระทำมาเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชีวิตด้วยการคิดต่อโลกในเชิงบวกคือการมองโลกที่พบเห็นในแง่ดีชีวิตนี้ก็จะดำเนินไปในทิศทางที่ดีมีความสุขกาย สบายใจ ชีวิตที่ดำเนินต่อไปนั้น เมื่อไม่มีความกดดันทุกอย่างนั้น ย่อมพบกับความโปร่งโล่งเบาและสบาย มุมมองทั้งหลายก็จะเปิดกว้างยิ่งขึ้น ความเข้าใจในโลกและธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นได้ด้วยการเรียนรู้วิเคราะห์ค้นหาให้เห็นที่มาและที่ไปในสิ่งที่ได้พบเห็น รู้จักแยกแยะดีชั่วด้วยองค์แห่งคุณธรรมในจิตคือจิตที่มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป มาเป็นพื้นฐานในการที่จะคิดและจิตที่ปรุงแต่ง
…ชีวิตในภายหน้านั้นเราจึงสามารถที่จะกำหนดทิศทางไปของมันนั้นได้โดยการสร้างเหตุและปัจจัยเงื่อนไขขึ้นมาในวันนี้ เพื่อที่จะกำหนดทิศทางของชีวิตในอนาคตนั้นขึ้นมาได้…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๘ มีนาคม ๒๕๖๕…