…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๑…
…การรักษาศีลนั้นคือการเจริญสติ เพราะผู้ที่รักษาศีลนั้นต้องมีสติอยู่กับกายและจิต ในการที่จะคิด จะพูดและจะทำ เรียกว่าต้องสำรวมอินทรีย์อยู่ทุกขณะจิต เพื่อไม่ให้ล่วงละเมิดข้อห้ามของศีลที่รักษา ศีลจึงคือที่มาของสติพละ และสิ่งที่ได้มาควบคู่กับสติในการรักษาศีล ก็คือองค์แห่งคุณธรรม “หิริและโอตตัปปะ” สิ่งนั้นก็คือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป
…เพราะการที่เราไม่กล้าที่จะล่วงละเมิดข้อห้ามของศีลนั้น เพราะเรามีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปเป็นตัวกระตุ้นเตือน เพื่อให้เกิดจิตสำนึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ดั่งคำพุทธพจน์ที่ทรงตรัสไว้ว่า… “ดูกรภิกษุทั้งหลายศีลเป็นพื้นฐาน เป็นที่รองรับคุณอันยิ่งใหญ่ ประหนึ่งแผ่นดินเป็นที่รองรับและตั้งลงแห่งสิ่งทั้งหลาย ทั้งที่มีชีพและหาชีพมิได้ เป็นต้นว่า พฤกษาลดาวัลย์ มหาสิงขร และสัตว์จตุบาททวิบาทนานาชนิด บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้นใจย่อมอยู่สบายมีความปลอดโปร่งเหมือนเรือนที่ปัดกวาด เช็ดถูเรียบร้อยปราศจากเรือดและฝุ่นเป็นที่รบกวน” …
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕…