…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๐…
…การทำงานทุกอย่างเป็นการปฏิบัติธรรมไปในตัว เพราะว่าการปฏิบัติธรรมนั้นคือการเจริญกุศลจิต เจริญสติและสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะจิต มีความระลึกรู้และรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา ทั้งในการคิดและการกระทำ ซึ่งคนทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่มีความคิด มีสติ แต่สิ่งที่ขาดไปคือกุศลจิต ซึ่งเป็นคุณธรรมคุ้มครองจิตไม่ให้คิดไปในทางที่ผิด รู้จักหักห้ามจิตไม่ให้คิดอกุศล รู้จักวางตนอยู่ในสัมมาทิฏฐิซึ่งสิ่งที่ขาดหายไปนั้นเกิดจากพื้นฐานของคุณธรรมที่แตกต่างกันของแต่ละคนดังคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ว่า…บุคคลแตกต่างด้วยธาตุและอินทรีย์ บารมีที่สร้างสมกันมา
…การเจริญกุศลจิต เจริญสติภาวนา ก็เพื่อเพิ่มพูนกำลังของบุญกุศล ให้รู้จักกายและใจของตน เพื่อให้เห็นคุณ เห็นโทษเห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ของสรรพสิ่งทั้งหลาย ทั้งภายนอกและภายในทั้งกายและจิตของเรา เพื่อเพิ่มคุณธรรมความละอายและเกรงกลัวต่อบาปให้มากขึ้นแก่จิตของเรา เพื่อที่จะเข้าไปยับยั้งและข่มความต้องการในโลกธรรมทั้งหลายอันได้แก่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และความเสื่อมในโลกธรรมทั้งหลายอันได้แก่ เสื่อมลาภเสื่อมยศ คำนินทา และความทุกข์ ให้รู้จักความพอเหมาะพอดีในสิ่งที่ควรจะได้ไม่หวั่นไหวกับโลกธรรมทั้งแปด
…การปฏิบัติธรรมนั้นเป็นไปเพื่อความ ลด ละเลิก ในกิเลส ตัณหา อัตตา อุปาทานทั้งหลายเพื่อความจางคลายของกิเลส นั้นคือเป้าหมายของการปฏิบัติธรรม…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕…