…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๕๑…
…ใช้ชีวิตตามปกติในแต่ละวันที่ผ่านไปโดยมีสติและสัมปชัญญะควบคุมอยู่ระลึกรู้ในสิ่งที่คิดและในกิจที่ทำ พยายามเตือนย้ำตนเองให้เกรงกลัวต่อบาปกรรม ในการคิดและทำกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น มองเห็นคุณ เห็นโทษเห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากสิ่งที่เราคิดและเรานั้นทำ ทุกครั้งในการคิดและก่อนจะพูดหรือลงมือทำสิ่งนั้น
…เพื่อจะไม่เป็นการสร้างเวรสร้างกรรมต่อผู้อื่นเขา กิเลสและกรรมเก่าของเรานั้นมันก็มีมากอยู่แล้ว ต้องแก้ไขและชดใช้กรรมเก่าอยู่ทุกวัน จึงไม่ควรสร้างกรรมอันเป็นอกุศลตัวใหม่ให้เกิดขึ้นมาอีก เพราะว่าเวลาของชีวิตในภพนี้ชาตินี้นั้น สั้นลงไปทุกขณะจึงต้องรีบเร่งความเพียรในการชำระจิตทำชีวิตที่เหลืออยู่นั้น ให้มีคุณค่าทั้งในทางโลกและทางธรรมยิ่งๆขึ้นไป
…ชีวิตแต่ละวันที่ผ่านไปเหมือนไม่ได้ปฏิบัติธรรม เพราะใช้ชีวิตและทำงานตามปกติ ไม่ได้นั่งสมาธิ ไม่ได้เดินจงกรม เจริญสติและสัมปชัญญะกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ดูความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นในจิตทุกขณะแยกแยะความเป็นกุศลและอกุศลพยายามเตือนตนไม่ให้เผลอจิตไปในสิ่งที่เป็นอกุศล
…เมื่อเรามีสติและสัมปชัญญะอยู่กับกายอยู่กับจิต อยู่กับความคิด อยู่กับการกระทำนั้นแหละคือการปฏิบัติธรรม เหมือนดั่งคำของหลวงพ่อพุทธทาสที่ท่านกล่าวไว้ว่า “การทำงานคือการปฏิบัติธรรม” เพราะมีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายและจิตอยู่ทุกขณะ…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ- สมณะไร้นาม…
…๒๑ เมษายน ๒๕๖๕…