…มีสติระลึกรู้อยู่กับกายและจิต พยายามคิดและมองทุกอย่างให้เป็นธรรมะระลึกถึงหัวข้อธรรมในหมวดต่าง ๆ นำมาสงเคราะห์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์คือสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ เพื่อให้เป็นธรรมะสัปปายะคือการเลือกเฟ้นธรรมให้เหมาะสมกับจังหวะ เวลา โอกาศ สถานที่และบุคคล ทุกอย่างนั้นไม่มีอะไรดีที่สุดมีเพียงความเหมาะสมที่สุดตามเหตุและปัจจัย นี่คือความเป็น
“อนิจจังและอนัตตาของธรรมทั้งหลายทั้งปวง”
ธรรมะทั้งหลายเป็นสัจจธรรมแต่ที่ไม่เที่ยงและไม่ใช่ตัวตนคือการปรับใช้ที่ต้องแปรเปลี่ยนไป เพื่อให้เหมาะสมกับเหตุและปัจจัยที่เห็นและเป็นอยู่ซึ่งถ้าเราไม่รู้จักปรับใช้ให้เหมาะสมมันก็จะกลายเป็น “สีลพรตปรามาส”คือการยึดถือในข้อวัตรที่เคร่งครัดสุดโต่งจนเกินไป กลายเป็นการยึดถือเพราะอัตตาซึ่งจะนำมา ซึ่งมานะทิฏฐิคือการถือตัวถือตนในโอกาศต่อไป…
…ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร…
…๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔…