เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๙

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๙…

…ธรรมทานนี้เลิศกว่าทานทั้งหลายการแสดงธรรมบ่อย ๆ แก่บุคคลผู้เงี่ยหูลงรับฟัง นี้เลิศกว่าการพูดถ้อยคำอันเป็นที่รัก การชักชวนผู้ไม่ศรัทธา ให้ตั้งมั่นทรงไว้ได้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา ชักชวนผู้ละเมิดศีลให้ตั้งมั่นทรงไว้ได้ถึงพร้อมด้วยศีลชักชวนผู้ไม่อยากให้ ให้ตั้งมั่นทรงไว้ได้ถึงพร้อมด้วยการปันให้ชักชวนผู้มีปัญญาทราม ให้ตั้งมั่นทรงไว้ได้ถึงพร้อมด้วยปัญญานี้เลิศกว่าการประพฤติประโยชน์ทั้งหลาย…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๙”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๘

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๘…

…มันเป็นอจินไตย…
…อจินไตย แปลว่าสิ่งที่ไม่ควรคิดหมายถึงสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน มีอยู่ 4อย่างได้แก่

๑. วิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
๒. วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของฌาน
๓. วิสัยของกฎแห่งกรรม ที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติ รวมถึงการให้ผลและการรับวิบากกรรม
๔. วิสัยการมีอยู่ของโลก

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๘”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๗

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๗…

…ธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้น เป็นสภาวะแห่งปัตจัตตัง คือการรู้ได้เฉพาะตนโดยการปฏิบัติ การศึกษาปริยัติ (การอ่าน การฟัง) นั้นเป็นเพียงขั้นพื้นฐาน เป็นเพียงการเก็บข้อมูลหาแนวทาง หาแบบอย่างที่จะนำไปปฏิบัติ

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๗”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๖

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๖…

…ปรับธรรมเข้าหาโลกหรือจะปรับโลกเข้าหาธรรม ทำศาสนาให้เป็นสากลโดยเอาเหตุและผลมาเป็นที่ตั้งปรับเข้าหาธรรมชาติแห่งความเป็นจริงทั้งหลาย ที่รู้ได้และสัมผัสได้ด้วยการกระทำ นำไปใช้เป็นหลักในการดำเดินชีวิต เพราะธรรมะนั้นก็คือธรรมชาติทั้งหลายที่แปรเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม ของจังหวะเวลา โอกาส สถานที่และตัวบุคคล

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๖”

รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๖๙

…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๖๙…

…ย้ำเตือนบุคคลรอบข้างอยู่เสมอว่า
…อย่าได้เชื่อทันทีในสิ่งรู้และในสิ่งที่เห็นเพราะมันอาจจะชักนำไปสู่ความงมงายไร้ปัญญา ควรคิดพิจารณา ถึงเหตุและผลให้เห็นทุกข์ เห็นภัย เห็นโทษ เห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ของสิ่งที่รู้และสิ่งที่ได้เห็นนั้น

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๖๙”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๕

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๕…

…การระลึกนึกถึงความตายนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนตายความยึดถือทั้งหลายในรูปธรรมวัตถุสิ่งของจะได้เบาบางลง อัตตาและมานะทิฏฐิทั้งหลายนั้นก็จะเบาบางลง ความโลภ ความหลงทั้งหลายก็จะค่อย ๆ หายไปเพราะชีวิตนี้ไม่มีวัตถุอะไรที่จะนำติดตัวไปได้เมื่อตายจาก

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๕”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๔

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๔…

…สรรพสิ่งล้วนเคลื่อนไหวแปรเปลี่ยนสภาพไปตามกฎแห่งธรรมชาติ มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป ซึ่งเงื่อนไขของกาลเวลานั้นอาจจะแตกต่างกันไปตามเหตุปัจจัยของสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นจนบางครั้งเราแทบจะมองไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของความเสื่อมสลายที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ทุกขณะ

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๔”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๓

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๓…

…ทุกสิ่งอย่างจะบรรลุเป้าหมายได้นั้นต้องเกิดจากเหตุและปัจจัยที่เกื้อหนุนสงเคราะห์กันลงตัว ตามจังหวะ เวลาโอกาส สถานที่และบุคคล เราเป็นเพียงผู้บริหารจัดการประสานให้ทุกอย่างนั้นสอดคล้องต้องกัน ความร่วมมือร่วมใจจะนำไปสู่ความสำเร็จ…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๓”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๒

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๒…

…ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วตั้งอยู่ในกฎของพระไตรลักษณ์นั้นคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตามีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปในที่สุด เพราะเข้าไปยึดถือในสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ มันเลยทำให้เกิดทุกข์

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๒”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๑

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๑…

…มากมายหลายข่าวสารที่มีการนำเสนอกันมา คิดถึงสุภาษิตบทหนึ่งขึ้นมา เป็นโพธิสัตว์คาถาที่ว่า…

“อนยํ นยติ ทุมฺเมโธ อธุรายํ
นิยุญํํชติ ทุนฺนโย เสยฺยโส โหติ
สมฺมา วุตฺโต ปกุปฺปติ วินยํ โส
น ชานาติ สาธุ ตสฺส อทสฺสนํ”

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๑”