จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๒

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๒…

…การเดินทางของชีวิตนั้น มันเป็นเรื่องของกรรมเก่าในอดีตชาติและกรรมใหม่ในชาตินี้ที่เราได้กระทำมาดั่งที่ได้กล่าวไว้เสมอว่า…

…ไม่ใช่โชคชะตาหรือว่าฟ้าลิขิตไม่ใช่นิมิตของสวรรค์หรือพรหมนั้นท่านบันดาล แต่สิ่งที่ชีวิตต้องพบพานนั้นล้วนเกิดมาจากกรรม…

…กรรมที่เป็นกุศลก็จะส่งผลไปสู่สิ่งที่ดีงาม ส่วนกรรมที่เป็นอกุศลย่อมส่งผลให้ตกต่ำ เมื่อเรายอมรับในเรื่องกฎแห่งกรรม มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป เราก็จะไม่สร้างกรรมที่เป็นอกุศล ชีวิตก็ย่อมจะพ้นจากอบายภูมิ…

อ่านเพิ่มเติม “จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๒”

บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๖

…บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๖…

…”ผู้ใด มีปัญญาทราม อาศัยทิฏฐิลามกคัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งมีปกติเป็นธรรม พฤติกรรมของผู้นั้นย่อมเป็นไปเพื่อฆ่าตนเหมือนขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่”

“โยสาสนํ อรหนฺตํ อริยานํ ธมฺมชีวินํ
ปฏิกฺโกสติ ทุมฺเมโธ ทิฏฺฐึ นิสฺสาย ปาปกํ
ผลานิ กณฺฏกสฺเสว อตฺตฆญฺญาย ผลฺลติ”…
….พุทธสุภาษิต ธรรมบท ๒๕/๓๑…

อ่านเพิ่มเติม “บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๖”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๖

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๖…

…แสงธรรมคือแสงทอง….
…“ภิกษุจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลอันดี จงมีความดำริตั้งมั่นตามรักษาจิตของตนเถิด”

“อปฺปมตฺตา สตีมนฺโต
สุสีลา โหถ ภิกฺขโว
สุสมาหิตสงฺกปฺปา
สจิตฺตมนุรกฺขถ ”…
…พุทธสุภาษิต มหาปรินิพพานสูตร ๑๐/๑๒๐…

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๖”

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๑

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๑…

…จากคนที่ก้าวร้าว ชอบใช้ความรุนแรงพร้อมที่จะปะทะได้ทุกเวลา จากคนที่มากด้วยอัตตา ไม่เคยยอมก้มหัวเป็นลูกน้องใคร จากปีศาจสุราที่ดื่มเหล้าแทนน้ำ เมาหัวราน้ำ

…แต่เมื่อได้เข้าสู่เส้นทางสายธรรมพยายามละลายพฤติกรรมเก่า ๆ นั้นให้จางคลาย เพื่อให้มันหมดสิ้นไปหมั่นสร้างกุศลความดี เพื่อลดกำลังของวิบากกรรมเก่าที่จะส่งผลมา

…แต่ละวันที่ได้ลืมตาและยังมีลมหายใจอยู่นั้น มันจึงเป็นกำไรของชีวิตด้วยบารมีคุณของพระธรรม จึงทำให้ได้มีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ น้อมกราบคุณของพระรัตนตรัย ที่ทำให้ชีวิตนั้นได้เปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดี…

อ่านเพิ่มเติม “จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๑”

บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๕

…บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๕…

…แสงธรรมคือแสงทอง….
…“ภิกษุจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ
มีศีลอันดี จงมีความดำริตั้งมั่น
ตามรักษาจิตของตนเถิด”

“อปฺปมตฺตา สตีมนฺโต
สุสีลา โหถ ภิกฺขโว
สุสมาหิตสงฺกปฺปา
สจิตฺตมนุรกฺขถ”…
…พุทธสุภาษิต มหาปรินิพพานสูตร ๑๐/๑๒๐…

…แสงทอง คือแสงธรรม
ที่ชี้นำ สู่เส้นทาง
ส่องโลก ให้สว่าง
ให้ได้เห็น ความเป็นจริง

…ทางโลก นั้นมืดมิด
เพราะว่าจิต ไม่หยุดนิ่ง
วุ่นวาย เพราะหลายสิ่ง
โลกธรรม ชักนำไป

…รักโลภ และโกรธหลง
ใจพะวง ยึดถือไว้
เกิดทุกข์ ระทมใจ
ต้องเวียนว่าย ในวังวน

…แสงธรรม นำชีวิต
ชี้ถูกผิด ไม่สับสน
ลดละ ซึ่งตัวตน
คือมานะ และอัตตา

…สอนให้ ใจเปิดกว้าง
ให้เห็นทาง แก้ปัญหา
ก่อเกิด ซึ่งปัญญา
เพื่อดับทุกข์ สลายไป

…แสงธรรม ส่องนำทาง
แสงสว่าง ที่สดใส
แสงธรรม ผ่องอำไพ
ส่องให้เห็น สัจธรรม

…ทุกสิ่ง ล้วนเกิดดับ
เปลี่ยนสลับ อยู่ประจำ
ยึดถือ ก่อเกิดกรรม
เมื่อปล่อยวาง ก็ว่างลง

…แสงธรรม นำชีวิต
ส่องให้จิต ไม่ลุ่มหลง
แสงธรรม นั้นมั่นคง
ส่องสงบ พบหนทาง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕…

คิดไป เขียนไป บทที่ ๕

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๕…

…“ภิกษุจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ
มีศีลอันดี จงมีความดำริตั้งมั่น
ตามรักษาจิตของตนเถิด”
“อปฺปมตฺตา สตีมนฺโต
สุสีลา โหถ ภิกฺขโว
สุสมาหิตสงฺกปฺปา
สจิตฺตมนุรกฺขถ”…
…พุทธสุภาษิต มหาปรินิพพานสูตร ๑๐/๑๒๐…

…ชีวิต จิต วิญญาณ
ต่างต้องการดิ้นรนแสวงหา
เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข
แม้เพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยก็ยินดี
เพื่อที่จะได้มีกำลังใจ ที่จะอยู่สู้ต่อไป

…มนุษย์
เสพสุขอยู่กับความฝัน
จินตนาการไปกับคืนวัน
สร้างฝันเพื่อปลอบใจตนเอง
บางครั้งก็สุขสดชื่นสมหวัง
บางครั้งพลาดพลั้งฝันสลาย
ไม่มีอะไรจริงแท้และแน่นอน

…ฝันไปเถิดเจ้าจงฝัน
ฝันให้ไกลไปให้ถึงซึ่งความฝัน
อย่าท้อแท้เลิกร้างเสียกลางคัน
จงสานฝันนั้นให้เห็นเป็นความจริง
เพื่อเป็นรางวัลแด่ ชีวิต จิต วิญญาณ…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕…

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๐

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๐…

…กาลเวลาแห่งชีวิตที่เราลิขิตได้…

…ห่างเหินใช่เหินห่าง
ระยะทางนั้นยาวไกล
สัญจรร่อนเร่ไป
สู่สิ่งใหม่ในหนทาง

…มีพบย่อมมีจาก
กรรมจำพรากให้เหินห่าง
วางใจให้เป็นกลาง
ทุกสิ่งอย่างจะเข้าใจ

…เข้าใจในชีวิต
เมื่อตั้งจิตคิดแบบใหม่
ผ่านมาให้แล้วไป
ตั้งต้นใหม่ใจมั่นคง

…ทางเดินของชีวิต
อยู่ที่จิตคิดนำส่ง
ศรัทธาต้องยืนยง
และมั่นคงในหลักการ

…จังหวะและเวลา
โอกาสมาอย่าให้ผ่าน
คิดต่อก่อเป็นงาน
เพื่อสืบสานจินตนา

…ทุกคนย่อมมีฝัน
อยากพบวันปรารถนา
ก้าวผ่านกาลเวลา
เรียนรู้ค่าประสพการ

…ฝันไว้ไปให้ถึง
คิดคำนึงตามหลักฐาน
ก้าวไปในสายธาร
แม้นยาวนานอย่าท้อใจ

…รางวัลของชีวิต
ผ่านถูกผิดอยู่ร่ำไป
สิ่งหวังและตั้งใจ
คงไม่ไกลถ้ายังเดิน

…เดินไปในทางฝัน
จิตสร้างสรรค์น่าสรรเสริญ
ทำใจให้เพลิดเพลิน
ความเจริญจะตามมา

…คิดดีและทำดี
ในสิ่งที่มีเนื้อหา
เชื่อมั่นและศรัทธา
ความก้าวหน้าจะมาเอง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๔…

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๓๙

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๓๙…

๐ โลกธรรม นำมา ซึ่งความทุกข์
อยากจะสุข จึงดิ้นรน และขวนขวาย
เพื่อโอ้อวด แข่งขันไป ให้มากมาย
บทสุดท้าย ก็คือกฎ อนิจจัง

๐ ทั้งลาภยศ สรรเสริญ เพลินในสุข
ทำให้ทุกข์ ตามมา ในภายหลัง
เมื่อเสื่อมยศ เสื่อมลาภ ให้ล้มพัง
มีคนชัง ไม่สรรเสริญ และเยินยอ

๐ กินกามเกียรติ กอบโกย จึงโหยหา
ให้ได้มา ในสิ่ง ที่ร้องขอ
เพราะความที่ อยากได้ ไม่รู้พอ
จึงเกิดก่อ ความทุกข์ ไม่สุขใจ

๐ ความสำเร็จ ของชีวิต ที่คิดหา
คือทรัพย์สิน เงินตรา นั้นหาไม่
ความสำเร็จ ของชีวิต อยู่ที่ใจ
บอกว่าพอ เมื่อไหร่ ก็ใช่เลย

๐ เมื่อมุ่งหวัง มาเป็น สมณะ
เพื่อลดละ ทุกสิ่ง ไม่นิ่งเฉย
ทั้งอัตตา ตัวตน ที่คุ้นเคย
กิเลสเอย ตัณหาเอย ควรละวาง

๐ อยู่กันแบบ พอเพียง ก็เพียงพอ
การร้องขอ เกินไป ออกให้ห่าง
เดินตามธรรม มีธรรม เป็นแนวทาง
ตามแบบอย่าง พระอาจารย์ ท่านทำมา

๐ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น เป็นตัวอย่าง
ท่านได้สร้าง แบบไว้ ให้ศึกษา
ตามหลักธรรม ขององค์ พระสัมมา
ใช้ปัญญา มีสติ และตริตรอง

๐ ทำสิ่งใด ให้รู้ อยู่แก่จิต
ถูกหรือผิด สิ่งใด ใจเศร้าหมอง
เดินตามธรรม นำทาง ตามครรลอง
ให้ถูกต้อง ตามธรรม พระสัมมา…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๔…

บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๔

…บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๔…

…การพูดหรือการแสดงออกทางกายนั้นบางครั้งทำให้เรารู้ถึงความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของเขา เพราะคำพูด สีหน้าแววตา มันสื่อถึงความรู้สึกภายในของเขาซึ่งถ้าเราเป็นผู้ฟังหรือคู่สนทนา ควรที่จะสังเกตในอาการเหล่านั้น เพราะการพูดนั้นมันสื่อให้รู้ถึงภูมิปัญญาของผู้พูดว่ารู้จริงหรือไม่หรือว่าได้แต่พูดโดยไม่รู้จริง

อ่านเพิ่มเติม “บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๔”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๔

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๔…

…ในอ้อมกอดของขุนเขา
ใต้ร่มเงาของมวลพฤกษา
บนจุดหนึ่งของกาลเวลา
จงมีสติเตือนตนเสมอว่า
มีความปรารถนาซึ่งสิ่งใด
ทบทวนสิ่งที่ได้ผ่านมาใหม่
ว่าสิ่งที่ตั้งความหวังไว้ในใจ
สิ่งนั้นก้าวไกลถึงไหนแล้ว

…ทุกชีวิตย่อมมีจุดหมาย
อย่าปล่อยให้ผ่านไปโดยไร้ค่า
อย่าปล่อยวันเวลาให้สูญเปล่า
ชีวิตเรานั้นควรจะมีเป้าหมาย
ฝันนั้นอาจจะตั้งไว้ไม่ไกล
แต่เรานั้นต้องเดินไปให้ถึง
ทำซึ่งความฝันนั้นให้เป็นจริง
ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินจะกระทำ

…หนทางสู่ความสำเร็จนั้น
อาจจะยังอยู่อีกยาวไกล
แต่จงอย่าได้หวั่นไหวท้อใจ
ขอเรามีความตั้งใจที่มั่นคง
เดินในเส้นทางที่ตรงสู่ความฝัน
ระยะทางสู่ความสำเร็จนั้น
มันย่อมสั้นลงมาทุกขณะ
อย่าไปสนใจในระยะของเส้นทาง

…ทุกอย่างย่อมจะมีความสำเร็จได้ ถ้าหากเรานั้นมีความตั้งใจและพยายามเดินตามความฝันของเรานั้นต่อไปไม่ท้อถอยหรือหวั่นไหวกับอุปสรรคปัญหามีความศรัทธาและเชื่อมั่นในความดีที่กระทำสิ่งนั้นย่อมจะนำไปสู่ความสำเร็จของชีวิตในสิ่งที่ตนคิดและกิจที่ตนนั้นปรารถนาเพราะว่าความสำเร็จของชีวิต…อยู่ที่จิตคิดว่าพอ…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๕…