บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๗๐

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๗๐…

…วิถีทาง วิถีธรรม ของนักเดินทาง…

๐ กลับมาสู่อ้อมอก
ที่ป้องปกและคุ้มครอง
ชีวิตที่ลอยล่อง
ประสบการณ์ของร่างกาย

๐ อ่อนล้าเพราะแรมรอน
ได้พักผ่อนให้เหนื่อยคลาย
หลับลงอย่างสบาย
เมื่อกลับสู่ถิ่นที่เดิม

๐ กลับมาเพื่อเติมฝัน
ถึงคืนวันที่ริเริ่ม
ทบทวนเพื่อต่อเติม
เสริมสร้างขวัญกำลังใจ

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๗๐”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๙

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๙…

…ธรรมทั้งหลายเป็นสัจธรรมแต่ที่ไม่เที่ยงและไม่ใช่ตัวตนคือการปรับใช้ที่ต้องแปรเปลี่ยนไปเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุและปัจจัยที่เห็นและเป็นอยู่…

…ซึ่งถ้าเราไม่รู้จักปรับใช้ให้เหมาะสมมันก็จะกลายเป็น “สีลพรตปรามาส”คือการยึดถือในข้อวัตรที่เคร่งครัดสุดโต่งจนเกินไป กลายเป็นการยึดถือเพราะอัตตาซึ่งจะนำมา ซึ่งมานะทิฐิคือการถือตัวถือตนในโอกาสต่อไป…

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๙”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๘

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๘…

…กล่าวบอกแก่ผู้ปฏิบัติธรรมอยู่เสมอว่าเราต้องค้นหาตัวเองให้ได้ว่า เรานั้นมาปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร ต้องการเพียงความสงบ เพื่อหลบปัญหา หรือว่าปรารถนาซึ่งความหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งหลายเพื่อ มรรคผล นิพพาน หรือเพื่อความต้องการที่จะมีอิทธิฤทธิ์ เราต้องถามตนเองให้ได้คำตอบเสียก่อนว่า เพื่ออะไรและเมื่อได้คำตอบให้ตนเองแล้ว จึงมาคิดต่อไปว่าทำอย่างไร ศึกษาหาข้อมูลของการปฏิบัติธรรม ว่าควรทำอย่างไรถามผู้รู้ ดูตำรา แสวงหาครูบาอาจารย์นั้นคือแนวทางต่อไป

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๘”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๗

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๗…

…การที่จะวางจิตให้เป็นอุเบกขาได้นั้นมันต้องมาจากฐานแห่งอิทธิบาท ๔ ก่อนเป็นไปตามขั้นตอน คือ เมตตา กรุณามุทิตา แล้วจึงจะเป็นอุเบกขา ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะเป็นการทอดทิ้งธุระ ไม่ใส่ใจเพราะเกิดจากจิตที่เป็นอคติ

…เพราะเราเข้าใจในวิสัยของสัตว์โลกที่มีกรรมเป็นของเฉพาะตน จงอย่าได้น้อยใจหรือเสียใจ จากการสงเคราะห์เขาเราทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ก็เพียงพอแล้วถือว่าเป็นการสร้างบารมี ผลจะออกมาอย่างไร มันเป็นเรื่องของวิบากกรรมของแต่ละคน

…เราจงรับเอาแต่ส่วนที่เป็นบุญไม่ไปร่วมในส่วนที่เป็นบาปกรรมของเขา สิ่งที่ได้ทำลงไปแล้วใจเป็นสุขทุกครั้งที่คิดถึง นั้นคือบุญแต่ถ้าทำไปแล้วใจเป็นทุกข์ แสดงว่าการกระทำนั้นยังไม่ถูกต้อง แม้เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่ดีงามก็ตาม

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๗”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๖

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๖…

…การปฏิบัติธรรม เป็นการทำเฉพาะตนตามกำลังความรู้ความสามารถของตนสภาวธรรมทั้งหลายเป็นของเฉพาะตนครูบาอาจารย์ท่านกล่าวเตือนสอนไว้ให้เรานั้น ดูตัวเราเอง ดูในข้อวัตรปฏิบัติของเรา ว่ามันเป็นอย่างไร ตึงเกินไปหรือว่าหย่อนยานเกินไป เพื่อแก้ไขปรับปรุงตัวเองให้มีความพอดี มีความเหมาะสมลงตัวกับ “เวลา จังหวะ โอกาส สถานที่ และบุคคล”

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๖”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๕

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๕…

…ในยุคสมัยของความฉับไวแห่งข่าวสารวันหนึ่ง ๆ เราต้องรับรู้เรื่องราวมากมายทั้งทางดีและทางร้าย ทั้งความวุ่นวายสับสนและความสงบนิ่ง ทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง ถ้าเราไม่นิ่ง ขาดการใคร่ครวญพิจารณา ไม่มีสติสัมปชัญญะ เราก็จะตามความคิดปรุงแต่งไม่ทัน เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องราวอารมณ์เหล่านั้น ใจเรามันก็จะวุ่นวาย สับสนและทุกข์ไปด้วย

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๕”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๔

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๔…

…ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วตั้งอยู่ในกฎของพระไตรลักษณ์นั้นคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไปในที่สุดเพราะเข้าไปยึดถือในสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้มันเลยทำให้เกิดทุกข์

…ได้บอกกล่าวแก่ผู้ศึกษาธรรมอยู่เสมอว่า อย่าได้รีบด่วนสรุปหรือไปฟันธงว่าสิ่งที่เรานั้นรู้ เห็นและเข้าใจว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น มันต้องเป็นอย่างนี้ ซึ่งผู้ที่สามารถจะชี้ชัดฟันธงได้นั้น มีเพียงพระพุทธเจ้าเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๔”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๓

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๓…

…ถามตัวเองอยู่เสมอว่า วันเวลาที่ผ่านไปเราได้อะไรจากวันเวลาและคุ้มค่ากับวันเวลาที่ผ่านไปหรือไม่ เพื่อไม่ให้เราหลงไปกับวัยและเวลาของชีวิตที่เหลืออยู่ และจะได้รีบเร่งสร้างคุณค่าให้แก่ชีวิต แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดีกว่าที่จะไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้มุ่งหวังว่าต้องเป็นชาตินี้หรือชาติหน้า เพียงแต่ตั้งใจไว้ว่าทำต่อไปเรื่อย ๆ ถึงเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั้น จะไม่สร้างความกดดันให้กับตัวเอง เพราะจะทำให้เกิดอาการเกร็งแล้วเข้าไปเคร่ง ซึ่งมันจะทำให้เครียด

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๓”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๒

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๒…

…ประเพณีที่ชาวพุทธหลายท่านอาจจะหลงลืมกันไป ก็คือประเพณีทำบุญถวายผ้าอาบน้ำฝน ซึ่งผ้าอาบน้ำฝนนั้นเป็นผ้าสำหรับอธิษฐานไว้ใช้นุ่งอาบน้ำฝนตลอด ๔ เดือนแห่งฤดูฝน ซึ่งพระภิกษุจะแสวงหาได้ ในระยะเวลา ๑ เดือนตั้งแต่แรม ๑ ค่ำเดือน ๗ จนถึง ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ และให้ทำนุ่งได้ในเวลากึ่งเดือนตั้งแต่ขึ้น ๑ ค่ำจนถึง ๑๕ ค่ำเดือน ๘

…ปัจจุบันมีประเพณีทำบุญถวายผ้าอาบน้ำฝนตามวัดต่างๆในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ ผ้าอาบน้ำฝนนั้น คำศัพท์ภาษาพระเรียกว่า “วัสสิกสาฏิกา” และผ้าบังสุกุลจีวรก็สามารถใช้เป็นผ้าอาบน้ำฝนได้เหมือนกัน…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔…

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๑

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๑…

…แก่นแท้ของการประพฤติพรหมจรรย์…

“…ภิกษุทั้งหลาย..! พรหมจรรย์นี้เราประพฤติ…มิใช่ ! มีลาภสักการะและสรรเสริญเป็นอานิสงส์เพราะเปรียบเท่ากับกิ่งและใบของต้นไม้มิใช่ ! มีความถึงพร้อมแห่งศีลเป็นอานิสงส์เพราะเปรียบเท่ากับสะเก็ดของต้นไม้มิใช่ ! มีความถึงพร้อมแห่งสมาธิเป็นอานิสงส์เพราะเปรียบเท่ากับเปลือกของต้นไม้มิใช่ !ความถึงพร้อมแห่งญาณทัสสนะ (ปัญญา) เป็นอานิสงส์ เพราะเปรียบเท่ากับกระพี้ของต้นไม้ภิกษุทั้งหลาย !

…การประพฤติพรหมจรรย์นี้มีเจโตวิมุตติ ความหลุดพ้นแห่งจิตนั้น นั่นแหละเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย เป็นแก่นสาร เป็นผลสุดท้ายของพรหมจรรย์ เพราะเปรียบเท่ากับแก่นของต้นไม้…”
(พระไตรปิฎก มหาสาโรปมสูตร เล่มที่ ๑๒/๓๗๓/๓๕๒)

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๑”