เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๐

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๐…

…การทำงานทุกอย่างเป็นการปฏิบัติธรรมไปในตัว เพราะว่าการปฏิบัติธรรมนั้นคือการเจริญกุศลจิต เจริญสติและสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะจิต มีความระลึกรู้และรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา ทั้งในการคิดและการกระทำ ซึ่งคนทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่มีความคิด มีสติ แต่สิ่งที่ขาดไปคือกุศลจิต ซึ่งเป็นคุณธรรมคุ้มครองจิตไม่ให้คิดไปในทางที่ผิด รู้จักหักห้ามจิตไม่ให้คิดอกุศล รู้จักวางตนอยู่ในสัมมาทิฏฐิซึ่งสิ่งที่ขาดหายไปนั้นเกิดจากพื้นฐานของคุณธรรมที่แตกต่างกันของแต่ละคนดังคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ว่า…บุคคลแตกต่างด้วยธาตุและอินทรีย์ บารมีที่สร้างสมกันมา

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๐”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๙

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๙…

…พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวสอนไว้ว่าให้ขัดเกลากิเลสในจิตใจด้วยการภาวนาการภาวนานั้นเป็นบุญอันยิ่งใหญ่สูงสุดเพราะทำให้จิตไม่ติดไม่ข้องอะไร บุญนั้นเกิดที่ใจ มันก็ได้บุญแล้ว กิเลสมีอยู่ในตัวเราทุกคน การรักษาศีล เจริญภาวนานั้นเพื่อต้องการที่จะชำระกิเลส ความชั่วความมัวหมองให้ออกจากจิตใจของเราพระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาทั้งหลายนั้น ก็เพื่อให้นำมาประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้ชำระ กาย วาจา ใจ ให้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์เท่านั้น…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๙”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๘

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๘…

…ความเจริญในธรรมนั้น เหมือนกับต้นไม้คือต้องค่อยเป็นค่อยไปตามกาลเวลาและลำดับชั้น เหมือนเราปลูกต้นไม้ เราอยากจะให้ต้นไม้มันโตไว ๆ ให้ดอกออกผลโดยเร็วแต่มันเป็นไปไม่ได้ ต้นไม้มันต้องเจริญเติบโตไปตามระยะเวลาและอายุของมัน

…การปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน มันต้องผ่านกาลเวลาการสั่งสม เพิ่มพูนกำลังไปตามลำดับชั้นการปฏิบัตินั้นจึงจะเป็นไปด้วยดี และมีความเจริญในธรรมที่มั่นคง ถูกต้องตามหลักของพระพุทธศาสนา ตามที่องค์พระศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสสอนไว้…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๘”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๗

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๗…

…กล่าวธรรมพร่ำบอกเสมอว่าไม่ใช่โชคชะตา หรือว่าฟ้าลิขิตไม่ใช่นิมิตของสวรรค์หรือพรหมนั้นท่านบันดาล แต่สิ่งที่ทุกชีวิตต้องประสพพบพาน ล้วนเกิดจากการกระทำ เพราะกรรมคือผู้กำหนดอนาคตที่จะต้องประสพ ล้วนเกิดจากกรรม ทุกชีวิตต่างดิ้นรนแสวงหาเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขแม้นจะต้องแลกด้วยทุกข์อย่างแสนสาหัส เพียงเพื่อสนองตอบความต้องการทะยานอยาก ซึ่งมีมากอย่างไม่มีที่สิ้นสุดซ่อนอยู่ในจิตใจของมนุษย์ ทุกชีวิตต้องทนทุกข์ทรมานเพราะว่าการแสวงหาเพื่อให้ได้มาซึ่งลาภ ยศและสรรเสริญเพลิดเพลินในกิน กาม เกียรติปรารถนาให้ชีวิตประสพความสำเร็จต่างคนต่างฝันไว้ไกลและอยากจะไปให้ถึง ซึ่งไม่มีวันจะสิ้นสุดถ้าจิตของมนุษย์ไม่รู้จักพอ

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๗”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๖

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๖…

…ในส่วนลึกใต้จิตสำนึกของทุกคนนั้นย่อมจะมีจิตสำนึกแห่งความใฝ่ดีซ่อนอยู่เสมอ เพียงแต่บางครั้งยังไม่ได้แสดงออกมา เพราะเงื่อนไขของเรื่องจังหวะ เวลา โอกาส สถานที่และตัวบุคคลนั้นยังไม่เอื้ออำนวย จึงไม่เปิดโอกาสให้แสดงออกมาได้ ในสิ่งนั้นทุกคนต่างมีเหตุปัจจัยและพื้นฐานความคิดที่แตกต่างกัน ทำให้ความคิดเห็นของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๖”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๕

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๕…

…สภาพดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจอากาศร้อนอบอ้าว ไม่มีลม จิตนั้นเกิดความกังวลและปฏิฆะต่อสภาพดินฟ้าอากาศ สติระลึกรู้ได้ทัน เห็นการเกิดของอารมณ์ความรู้สึก เจาะลึกเห็นการเกิดของอารมณ์ปฏิฆะและปลิโพธนั้นพิจารณาธรรมตามสภาวะ เกิดความรู้ความเข้าใจในธรรม เข้าใจในสภาพของดินฟ้าอากาศว่าสิ่งเหล่านั้น “มันเป็นเช่นนั้นเอง”

…สิ่งที่กังวลนั้นคือ ช่วงนี้เป็นฤดูฝนซึ่งย่อมจะเกิดฝนตกหนักขึ้นได้ง่ายซึ่งจะทำให้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการเข้าอยู่ปริวาสกรรมปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสงฆ์ ความกังวลใจจึงเกิดขึ้นแต่ทุกอย่างนั้นย่อมเกิดขึ้นได้เสมอเพราะความไม่เที่ยงแท้แน่นอน

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๕”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๔

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๔…

…เมื่อใจนั้นยอมรับซึ่งความเป็นจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลาย ว่าเรานั้นเป็นผู้กระทำ สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นผลแห่งวิบากกรรม ที่เรานั้น ได้เคยกระทำมา ไม่โทษดินโทษฟ้าหาผู้รับผิดมาแทนเรา ใจนั้นก็จะโปร่งเบา เพราะได้วางแล้วจากการยึดถือทั้งหลาย ความทุกข์ที่มีนั้นก็จะคลายและเมื่อใจสบายความคิดนั้นก็จะโปร่งโล่งเบา เพราะว่าเข้าใจในปัญหาอุปสรรคทั้งหลายที่เกิดขึ้นและเมื่อทำใจยอมรับได้ซึ่งความเป็นจริงอุปสรรคปัญหาในทุกสิ่งนั้นย่อมจะมีหนทางที่จะแก้ไข อยู่ที่ว่าเรานั้นทำใจได้แล้วหรือยัง…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๔”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๓

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๓…

…บอกกล่าวแก่พระที่อยู่ร่วมด้วยเสมอว่า เสน่ห์ของวัดป่านั้นคือ ความสะอาดและความมีระเบียบวินัย ไม่ใช่อยู่ที่สิ่งก่อสร้างที่วิจิตรอลังการ ยามเช้ากวาดลานธรรมให้แก่คน ยามเย็นกวาดสถานที่ให้เทวดาและเป็นการบริหารร่างกายไปในตัว…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๓”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๒

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๒…

…กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘…

…รณรงค์ให้ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง…

…ยกธรรมกล่าวอ้าง ให้เป็นแบบอย่าง
อักษรวิธี กาพย์กลอนโคลงฉันท์
สิ่งนั้นควรมี เพราะเป็นของดี มาแต่โบราณ

…การใช้ภาษา สืบทอดกันมา ครูบาอาจารย์
เขียนให้ถูกต้อง สอดคล้องกับงาน เพื่อจะสืบสาน
ภาษาของไทย

…อย่าได้มักง่าย เพราะว่าความหมาย
มันจะเปลี่ยนไป คิดก่อนจะเขียน
จงเพียรแก้ไข ภาษาที่ใช้ ตามหลักตำรา

…คำพูดคำเขียน จงเพียรใส่ใจ
ไว้เสริมปัญญา ภาษาวิบัติ อย่าหัดมาใช้
ไม่ใช่ของไทย มันไม่งดงาม

…เตือนจิตเตือนใจ รักษากันไว้ อย่าได้มองข้าม
ภาษาของชาติ ประกาศชื่อนาม อย่าให้เขาหยาม
ภาษาของเรา

…ภาษาที่ใช้ คือภาษาไทย อย่าอายใครเขา
สดสวยงดงาม ติดตามตัวเรา อย่าให้ใครเขา
ติฉินนินทา…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕…

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๑

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๑…

…บางครั้งความคุ้นเคยและความเคยชินมันอาจจะนำไปสู่ความหย่อนยานจนกลายเป็นความขี้เกียจ มักง่ายถ้าเราไม่หมั่นตรวจสอบควบคุมจิตของเรา ไม่มีความรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ ข้อวัตรปฏิบัติมันก็จะนำไปสู่ความเสื่อมถอยจิตคล้อยตามไปในกระแสโลกออกห่างจากกระแสธรรม แต่ถ้าเรามีความมั่นคงมีศรัทธาที่หนักแน่น ตามดู ตามรู้จิตนั้นอยู่เสมอ ไม่พลั้งเผลอขาดสติและองค์แห่งคุณธรรมแล้ว ความเสื่อมย่อมไม่เกิดขึ้นแก่เรา ความเจริญในธรรมทั้งหลาย ก็จบังเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ปฏิบัติเช่นนั้น สิ่งสำคัญมันอยู่ที่จิตสำนึกแห่งการใฝ่ดีว่าเรานั้นมีแล้วหรือยังและเราได้ทำในสิ่งนั้นแล้วหรือยัง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕…