บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๕๐

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๕๐…

…เมื่อใจนั้นยอมรับซึ่งความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลายว่าเรานั้นเป็นผู้กระทำสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นผลแห่งวิบากกรรมที่เรานั้น ได้เคยกระทำมา ไม่โทษดินโทษฟ้า หาผู้รับผิดมาแทนเรา ใจนั้นก็จะเบา เพราะว่าได้วางจากการยึดถือทั้งหลาย ความทุกข์ที่มีนั้นก็จะคลายและเมื่อใจสบาย ความคิดนั้นก็จะโปร่งโล่งเบา เพราะว่าเข้าใจในปัญหาและอุปสรรคทั้งหลายที่เกิดขึ้นและเมื่อทำใจยอมรับได้ซึ่งความเป็นจริง อุปสรรคปัญหาในทุกสิ่งนั้นย่อมจะมีหนทางที่จะแก้ไขอยู่ที่ว่าเรานั้นทำใจได้แล้วหรือยัง…

…ในค่ำที่สายฝนได้โปรยปรายลงมาฉันเฝ้ามองดูหยดน้ำที่ตกจากหลังคาหยดแล้วหยดเล่าที่ตกมาไม่ขาดสายเพ่งมองจนเวลาผ่านล่วงไปเนิ่นนานสภาวธรรมได้เกิดขึ้นในจิตสังเวชในชีวิตที่ล้วนแล้วแต่ทุกข์ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้และแน่นอนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปตลอดเวลาไม่สามารถที่จะไปยึดมั่นถือมั่นได้เลยเกิดอารมณ์ปิติอย่างแรงกล้าจนน้ำตาไหลร้องให้สมเพชชีวิตคิดอยู่ในขณะนั้นอย่างเดียวว่าจะไม่ขอกลับมาเกิดอีกต่อไปอยากจะหลุดพ้นจากวังวนแห่งวัฏฏะศรัทธาในพระธรรมของพระพุทธองค์เพิ่มขึ้น ตั้งใจเดินตามพระอริยะสงฆ์ที่เป็นแบบอย่าง เพื่อจะนำชีวิตไปสู่จุดหมายปลายทางที่หวังไว้เป็นสภาวธรรมที่เกิดขึ้นในใจขณะนั้นแม้เวลาจะผ่านมานานแล้วฉันยังไม่เคยลืม…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๔…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *