…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๖…
…เวรกรรมมีจริง ไม่ต้องรอชาติหน้าเห็นผลได้ในชาตินี้ เราทำกรรมอะไรไว้มันจะส่งผลให้ไม่ช้าก็เร็ว ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ซึ่งเราต้องเตรียมตัวเตรียมใจอย่าหวั่นไหวและตื่นตกใจ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ให้มันเป็นไปตามกรรมที่เราได้ทำมา
…ความวุ่นวายเราไม่ต้องออกไปแสวงหาเดี๋ยวมันก็จะมาหาเราเอง ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เราไปถึงไหนมันก็จะตามเราไปถึงนั่น หน้าที่ของเรานั้นก็คือการเตรียมตัวเตรียมกายเตรียมใจ รับกับปัญหาที่มันจะมาทุกขณะ ทุกเวลา โดยการยึดหลักธรรมะเป็นเครื่องอยู่…
…ทุกชีวิต ไปตามลิขิตแห่งกรรม…
…ทุกชีวิต ต้องเป็นไป ตามบทบาท
ตามเชื้อชาติ ท้องถิ่น และภาษา
ไปตามบท กฎแห่งกรรม ที่ทำมา
ไปข้างหน้า ตามเวลา ที่หมุนไป
…มวลมนุษย์ มีกรรม ตัวกำหนด
ไปตามกฎ แห่งกรรม ที่ทำไว้
อดีตกรรม น้อมนำ ให้เป็นไป
และกรรมใหม่ เป็นปัจจัย ให้ได้เจอ
…ไม่ใช่โชค ชะตา ฟ้าลิขิต
ใช่นิมิต แห่งสวรรค์ นั้นเสนอ
ใช่ว่าพรหม บันดาล ให้ท่านเจอ
กรรมที่เธอ ทำไว้ จึงได้เป็น
…จงยืดอก ยอมรับกรรม ที่ทำไว้
เพราะถ้าใจ ไม่ยอมรับ จะทุกข์เข็ญ
จงยอมรับ สิ่งที่มี สิ่งที่เป็น
เมื่อใจเย็น ทุกข์ก็คลาย สลายลง
…ที่เราทุกข์ ก็เพราะใจ ไม่ยอมรับ
การเกิดดับ เพราะว่าใจ ไปลุ่มหลง
ไปยึดถือ ความคิดตน ไม่ยอมปลง
มันจึงส่ง ผลต่อใจ ให้ทุกข์ทน
…ไม่ว่าอยู่ ที่ใด ใจก็ทุกข์
ไร้ความสุข ถ้าว่าใจ ยังสับสน
ทุกข์นั้นมี ในทุกที่ ที่มีคน
อยากหลุดพ้น ก็ต้องทน ภาวนา
…ภาวนา รักษาใจ ให้สงบ
ก็จะพบ เหตุและผล ต้นปัญหา
จะเห็นทาง ดับทุกข์ ด้วยปัญญา
เห็นที่มา และที่ไป สิ่งไม่ควร
…มองทุกอย่าง ให้เห็น เป็นธรรมะ
การลดละ สิ่งไม่ดี ก็มีส่วน
รู้ในจิต รู้คิด สิ่งที่ควร
หมั่นทบทวน ฝึกจิต ให้คิดเป็น
…รู้จักการ แยกแยะ ดีและชั่ว
ไม่เกลือกกรั่ว สิ่งไม่ดี ที่ได้เห็น
เพราะสติ จะนำให้ ใจนั้นเย็น
สิ่งที่เป็น สิ่งที่คิด จิตรู้ทัน
…จิตเป็นนาย กายนั้น มันเป็นบ่าว
ทุกเรื่องราว เกิดจากจิต ที่คิดนั้น
จิตส่งไป กายวาจา พาผูกพัน
ทำให้มัน ต้องเป็น เช่นนั้นเอง…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕…