รำพึงธรรมตามรายทาง ปัจฉิมบท

…รำพึงธรรมตามรายทาง ปัจฉิมบท…

…ย้ำเตือนตนอยู่ตลอดว่า จงทำตนให้เป็นคนเลี้ยงง่าย มีกิจวัตรประจำวันที่เรียบง่าย ใจก็จะโปร่งสบาย ทำให้การเจริญสติภาวนาปฏิบัติจึงทำได้ง่าย สมาธิก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายความวุ่นวายก็น้อยลง ความกังวลยึดติดก็จะเบาบางลง…

…อย่าไปวุ่นวายใจกับคำนินทา เราไม่เก็บคำนินทามาคิด จิตเราก็จะสบาย คำติฉินนินทานั้นคือยาชูกำลัง ที่จะยับยั้งไม่ให้เราหลงระเริง คำนินทานั้นคือสิ่งที่กระตุ้นเตือนตัวเรา เขาติดีกว่าเขาชม ทำให้เรารู้ตัวว่าเขาคิดอย่างไรกับเรา ซึ่งถ้าเราอย่างที่เขานินทานั้น เราก็จะได้รู้และจะได้ปรับปรุงแก้ไข แล้วเราจะไปโกรธเขาทำไม ซึ่งถ้าเราไปโกรธเขาก็เท่ากับว่าเรานั้นกำลังแพ้ภัยกิเลสในใจของเรานั้นเอง…

…ร้อยคน ร้อยเรื่องราว
ร้อยข่าวคราว ที่พบเจอ
รู้ตัว อยู่เสมอ
ไม่พลั้งเผลอ ไปหลงมัน

…ทำจิต นั้นให้นิ่ง
มองทุกสิ่ง อย่างครบครัน
จิตใจ ไม่หุนหัน
สรุปกัน โดยเร็วไว

…ควรคิด และวิเคราะห์
ตามความเหมาะ เหตุปัจจัย
ว่าเป็น อยู่เช่นไร
มีสิ่งไหน ที่ควรทำ

…หลายคน หลายปัญหา
ให้ศึกษา และชี้นำ
เอาหลัก ของพระธรรม
มาน้อมนำ ปรับให้เป็น

…สอนให้ รู้จักคิด
เพ่งพินิจ เมื่อพบเห็น
คิดเป็น และทำเป็น
ความลำเค็ญ จะหมดไป

…ให้รู้ คุณและโทษ
เป็นประโยชน์ ใช่หรือไม่
สิ่งที่ กระทำไป
ผลที่ได้ อย่างไรกัน

…หลักธรรม นำปรับใช้
ให้เป็นไป เพื่อสร้างสรรค์
สงเคราะห์ เกื้อกูลกัน
เอาธรรมนั้น เป็นแนวทาง

…ทุกอย่าง ปรับสู่หลัก
ให้รู้จัก การปล่อยวาง
เอาธรรม มานำอ้าง
เป็นตัวอย่าง สิ่งที่ควร

…ควรคิด กิจควรทำ
การชี้นำ นั้นมีส่วน
ให้คิด และใคร่ครวญ
ไม่รีบด่วน ทำลงไป

…ทำอย่าง มีสติ
ตามดำริ ที่ตั้งไว้
ทำสิ่ง ที่พอใจ
แต่ไม่ให้ ขัดกับธรรม

…เป็นไป ทั้งสองอย่าง
เป็นแนวทาง กุศลกรรม
แล้วบุญ จะหนุนนำ
สิ่งที่ทำ ส่งผลดี

…ผลดี ต่อชีวิต
เมื่อวางจิต ให้ถูกที่
คิดดี และทำดี
คือสิ่งที่ ควรเริ่มทำ…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๕…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *