วิถีโลกและวิถีธรรมนั้นต้องจะเดินคู่กันไป

…ดั่งที่เคยกล่าวไว้ว่า…วิถีโลกและวิถีธรรมนั้นต้องจะเดินคู่กันไป…

เพราะว่าเราทั้งหลายนั้น ต้องใช้ชีวิตร่วมกันในสังคม มิอาจจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ ต้องมีการอาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกัน มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันไม่มากก็น้อย ตามจังหวะ เวลา โอกาศ สถานที่และตัวบุคคล เป็นเหตุและผลซึ่งกันและกัน โลกและธรรมจึงต้องเดินคู่กันไป แต่คนส่วนใหญ่นั้นมักจะปฏิเสธธรรม เพราะคิดว่าเป็นเพียงเรื่องของศาสนา เป็นลัทธิ เป็นความเชื่อเฉพาะตนทั้งที่จริงแล้วธรรมะนั้นคือธรรมชาติแห่งความเป็นจริง เป็นสิ่งใกล้ตัวที่เราพบเห็นอยู่เป็นประจำในชีวิตของเรา

…ธรรมะคือความเป็นจริงทั้งหลายในโลกนี้เป็นสัจจธรรมและสิ่งที่จะนำเข้าสู่ธรรมชาติแห่งความเป็นจริงนั้นก็คือคุณธรรมจิตสำนึก ความรู้สึกนึกคิด จิตที่ยอมรับซึ่งความเป็นจริงของธรรมชาติทั้งหลายนั้น ความมีใจเป็นกลางไม่เข้าข้างความรู้สึกนึกคิดเพื่อผลประโยชน์ของตนจนเกินไป ความพึงพอในในสิ่งที่มีในสิ่งที่เป็นและสิ่งที่ควรจะได้ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติศาสนาไหนก็ตาม ล้วนแล้วมุ่งหวังที่จะชี้นำให้คนกระทำความดี ให้ทุกคนมีจิตสำนึกแห่งคุณธรรม เพื่อความสงบสุขร่มเย็นเพื่อความเป็นไปโดยสันติ สิ่งนั้นคือแก่นแท้ของทุกศาสนา…

…ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร…
…๗ ธันวาคม ๒๕๕๔…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *