…ปรารภ ทบทวนธรรม ยามค่ำคืน…
…ใคร่ครวญ ทบทวน พิจารณาถึงเหตุการณ์ที่ได้ผ่านมา ในช่วงเวลาที่เปิดตัวกลับมาติดต่อคบหาสมาคมกับมิตรสหาย ทำให้ได้เข้าใจอะไรขึ้นมาอีกมากมาย คงใกล้จะถึงบทสุดท้ายที่จะต้องเลิกรา หันหน้ากลับมาสู่ทางธรรม ละวางปลิโพธทั้งหลาย เพื่อความจางคลายของกิเลส ตัณหา อุปาทาน ให้เวลาแก่งานในพระพุทธศาสนา คือการศึกษาและปฏิบัติในไตรสิกขา ๓ คือ ศีล สมาธิ ปัญญาหมั่นเจริญจิตภาวนาให้ความเจริญในธรรมก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป…
…ขอขอบคุณทุกผู้คนและทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในช่วงชีวิต ทำให้ได้คิดพิจารณาว่าทุกอย่างที่ผ่านมา คือครูผู้สอนธรรม…
…การทำงานคือการปฏิบัติธรรม…
๐ จงทำงาน ทุกชนิด ด้วยจิตว่าง
คือละวาง อัตตา และทิฐิ
เพื่อวางแผน ก่อนงาน การเริ่มริ
ด้วยการตริ การตรอง มองดูงาน
๐ การทำงาน ต้องประสาน สรรพสิ่ง
ให้เป็นจริง ไปได้ ทุกสถาน
ให้เหมาะสม กับปัจจัย และเหตุการณ์
การทำงาน คือการ ประพฤติธรรม
๐ คือการเอา หลักธรรม นำความคิด
และฝึกจิต ฝึกใจ ไม่ใฝ่ต่ำ
จงอย่าให้ อัตตา เข้าครอบงำ
จงน้อมนำ เอาธรรมะ เป็นแนวทาง
๐ โลกกับธรรม นั้นอยู่ เป็นคู่กัน
จงจัดสรร เอาธรรม เป็นแบบอย่าง
อยู่กับโลก จงเดิน ในสายกลาง
คือเส้นทาง ที่พอเหมาะ และพอควร
๐ ความพอดี พอเพียง เลี้ยงชีวิต
รู้ถูกผิด ชั่วดี นั้นมีส่วน
ทำในสิ่ง ที่ดี และที่ควร
ทุกสิ่งล้วน สัมพันธ์ กันสืบมา
๐ ทั้งทางโลก ทางธรรม นำประสาน
ในชีวิต การงาน แก้ปัญหา
ใช้สติ สมาธิ และปัญญา
ละอัตตา วางใจ ให้เป็นกลาง
๐ จงอย่าเอา ตัวเรา มาเป็นใหญ่
ทำอะไร ควรคิด ด้วยจิตว่าง
ตัวทิฐิ มานะ ควรละวาง
มองทุกอย่าง เป็นธรรมะ ละอัตตา
๐ อยู่กับโลก กับธรรม นำชีวิต
อยู่กับจิต ความคิด แสวงหา
ความใฝ่ดี ใฝ่รู้ สู่ปัญญา
จะนำพา ชีวิต จิตเจริญ…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๕…