…จิตระลึกถึงธรรมตามกาลเวลา…
…แต่ละวันที่ผ่านไป มีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต ให้เราคิดและเราทำจดจำเพียงสิ่งที่เป็นสาระ สิ่งที่เป็นขยะทางความคิดลบมันไปไม่จดจำ ใช้สติใคร่ครวญ ทบทวนในสิ่งผ่านเข้ามาว่าสิ่งไหนเป็นสาระ สิ่งไหนไม่เป็นสาระพิจารณาให้เห็นคุณเห็นโทษ เห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ของเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาพิจารณาเข้าสู่ความเป็นกุศลและอกุศลมีสติเตือนตนให้อยู่ในความไม่ประมาทไม่ปรุงแต่งในอกุศล ประคองจิตของตนให้อยู่ในธรรม น้อมนำจิตเข้าสู่ความสงบนิ่งแล้วมองทุกสิ่งให้เป็นธรรมะ…
…ในหนึ่งวัน นั้นประสพ พบมากมาย
มีทั้งร้าย แหละดี ที่พบเห็น
ความสับสน วุ่นวาย ที่ได้เป็น
ทั้งยากเข็ญ เรียบง่าย ให้ได้เจอ
…เป็นเพราะกรรม นำมา พาให้พบ
ต้องประสพ พบพาน อยู่เสมอ
ตั้งสติ คุมใจ ไม่เผลอเลอ
เมื่อพบเจอ ปัญหา สาระพัน
…ทุกสิ่งนั้น เกิดจากกรรม ตัวกำหนด
ไปตามบท ที่กรรม นั้นจัดสรร
เพราะว่ากรรม เป็นทายาท แห่งเผ่าพันธุ์
ทุกอย่างนั้น ล้วนกรรม ตัวนำพา
…ประคองกาย ประคองจิต ด้วยสติ
และหมั่นตริ หมั่นตรอง มองปัญหา
มีสติ สมาธิ และปัญญา
ให้รู้ว่า ที่เห็น เป็นเช่นไร
…ไตรสิกขา ชี้นำ ความถูกต้อง
เมื่อไตร่ตรอง มองทาง เพื่อแก้ไข
สติมา ปัญญามี เห็นที่ไป
รู้ที่ใจ รู้ที่จิต เมื่อคิดทำ
…คือแสงธรรม แสงทอง ส่องสว่าง
ส่องนำทาง ชีวิต ที่เลิศล้ำ
เพราะกุศล ผลบุญ ที่ได้ธรรม
กุศลกรรม นำจิต ให้คิดดี
…มีปัญญา รู้จริง สิ่งที่เกิด
สุดประเสริฐ มีธรรม นำวิถี
กุศลธรรม นำสร้าง ทางชีวี
ช่วยนำชี้ ทางไป ให้เราเดิน
…บนเส้นทาง สายธรรม นำชีวิต
รู้ถูกผิด แก้ไข ไม่เคอะเขิน
เจริญสุข เจริญธรรม ทำให้เพลิน
ไม่ขาดเกิน เดินไป ในขั้นตอน
…สร้างกุศล ในชาตินี้ ไว้ดีกว่า
บุญนำพา ชีวิต ไม่ทุกข์ร้อน
มีศีลธรรม หุ้มใจ เป็นอาภรณ์
ละนิวรณ์ จิตสงบ เมื่อพบธรรม….
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๕…