ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๕๐

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๕๐…

…ระลึกถึงข้อธรรมคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล บทหนึ่งที่ท่านกล่าวไว้ว่า “การไม่กังวล การไม่ยึดถือ นั่นแหละคือวิหารธรรมของนักปฏิบัติ” เอามาเป็นข้อคิดและพิจารณาน้อมนำมาซึ่งการปฏิบัติตาม ทำให้เกิดความรู้และความเข้าใจในข้อธรรมนั้นๆตามกำลังของสติระลึกรู้ที่เราได้ฝึกฝนมา

…ตามหลักธรรมที่ว่า “คิดเท่าไร ๆ ก็ไม่รู้ ต่อเมื่อหยุดคิดจิตจึงรู้ แต่ก็ต้องอาศัยความคิด ทำงานทุกชนิดด้วยจิตที่ว่างจากอัตตา ปัญญาก็จะเกิด” เป็นสิ่งที่ต้องหมั่นฝึกฝนให้จนเป็นความเคยชินของจิตในการคิดและการทำงาน

…พยายามใช้เวลาที่ผ่านไปให้เกิดประโยชน์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระลึกรู้อยู่กับกายและจิตยกข้อธรรมขึ้นมาพิจารณาใคร่ครวญทบทวน ตัดปลิโพธความกังวลทั้งหลายออกไปชั่วขณะทำจิตให้ว่างจากอัตตา พิจารณาทุกอย่างตามความเป็นจริง ในสิ่งที่เห็นและรับรู้ วางจิตให้นิ่งไม่เอาความรักหรือความเกลียดความพอใจและไม่พอใจ มาตัดสินในปัญหา มีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายและจิตอยู่ตลอดเวลาแยกแยะกุศลและอกุศลออกจากกันโดยการพิจารณาถึงคุณ ถึงโทษถึงประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ในสรรพสิ่งที่ได้เห็นและได้รับรู้เอามาเป็นครูสอนธรรม

…เตือนย้ำในจิตสำนึกอยู่ตลอดเวลาให้ระลึกรู้ในสิ่งที่ควรคิด ในกิจที่ควรทำ ตามบทบาทและหน้าที่ของตนเองที่พึงมี ทำหน้าที่ของเรานั้นให้สมบูรณ์ ตามกำลังของความรู้ความสามารถที่เรานั้นพึงมีให้จิตของเรานี้ระลึกถึงธรรมอยู่ตลอดเวลา เมื่อเรารักษาธรรมธรรมนั้นจะกลับมารักษาคุ้มครองเรา…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๓ กันยายน ๒๕๖๕…