ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๕๕

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๕๕…

…ทบทวนใคร่ครวญเกี่ยวกับปลิโพธ ๑๐ ว่าเรานั้นยังติดอยู่ ข้องอยู่ ยังไม่ปล่อยสิ่งใดที่ยังมีกำลังมาก สิ่งใดที่มีกำลังน้อยสิ่งใดที่ละวางได้แล้ว เพื่อเป็นการตรวจดูความพร้อมก่อนออกเดินทาง ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้

…ปลิโพธ ๑๐ คือความกังวล เครื่องผูกพันหรือหน่วงเหนี่ยวเหตุกังวล, ข้อติดข้องปลิโพธที่ผู้จะเจริญกรรมฐานพึงตัดเสียให้ได้ เพื่อให้เกิดความปลอดโปร่งพร้อมที่จะเจริญกรรมฐานให้ก้าวหน้าไปได้ดีมี ๑๐ อย่าง คือ

๑ อาวาสปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับวัดหรือที่อยู่

๒. กุลปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับตระกูลญาติหรืออุปัฎฐาก

๓. ลาภปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับลาภ

๔. คณปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับคณะศิษย์หรือหมู่ชนที่ตนต้องรับผิดชอบ

๕. กัมมะปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับการงานเช่น การก่อสร้าง

๖. อัทธานปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับการเดินทางไกลเนื่องด้วยกิจธุระ

๗. ญาติปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับญาติหรือคนใกล้ชิดที่จะต้องเป็นห่วงซึ่งกำลังเจ็บป่วยเป็นต้น

๘. อาพาธปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับความเจ็บไข้ของตนเอง

๙. คันถปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับการศึกษาเล่าเรียน

๑๐. อิทธิปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับฤทธิ์ของปุถุชนที่จะต้องคอยรักษาไม่ให้เสื่อม (ข้อท้ายนี้เป็นปลิโพธสำหรับผู้จะเจริญวิปัสสนา เท่านั้น)

…ซึ่งปลิโพธที่ยังติดข้องอยู่และมีกำลังมากกว่าปลิโพธตัวอื่นๆนั้นก็คือ กัมมะปลิโพธ การก่อสร้างที่ยังค้างคา ตามวัดวาอารามต่างๆเพราะไม่อยากให้เป็นภาระต่อผู้อื่นในสิ่งที่ได้เริ่มไว้หรือได้รับปากไว้และมงคลชีวิตที่เป็นหลักของชีวิตนั้นคือ “การทำงานไม่ให้ค้างคา” ที่ได้ปฏิบัติเสมอมา ทำให้ละวางไม่ได้ ถ้างานนั้นยังไม่เสร็จ

…ส่วนปลิโพธข้ออื่นๆนั้นสามารถที่จะปล่อยวางได้ทุกขณะ เพราะไม่เคยยึดถือเอามาเป็นสาระเครื่องผูกพันจึงพยายามเร่งเก็บงานที่ค้างคาอยู่ตามวัดวาอารามต่างๆให้เสร็จสิ้นเพื่อจะได้เข้าสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังเพราะวันเวลาของชีวิตนั้นมันสั้นลงไปทุกขณะแล้ว…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๘ กันยายน ๒๕๖๕…