ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๕๙

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๕๙…

…ฤดูกาลแห่งพรรษาผ่านล่วงเลยไปเกินครึ่งพรรษา รู้สึกธรรมดากับวันเวลาที่ผ่านไปเพราะว่าใจเรานั้นไม่ได้มีความกังวล ไม่เหมือนสมัยเมื่อแรกบวชนั้น เรายังทำใจไม่ได้ไม่เข้าใจธรรม ไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ พอถึงฤดูเข้าพรรษาใจเรามันเร้าร้อน มีความกังวลกับวันเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันนั่งนับวัน นับคืน ดูปฏิทิน อยากจะให้วันเวลานั้นผ่านไปให้ถึงวันออกพรรษาเร็วๆ เพื่อจะได้เดินทางท่องเทียวเปลี่ยนสถานที่ ไปแสวงหาครูบาอาจารย์ตามที่ต่าง ๆ…

…แต่เมื่อรู้ เมื่อเข้าใจ ความรู้สึกเช่นนั้นก็หายไป ใจก็สบาย ไม่กังวล ไม่รุ่มร้อนมีบ้างในบางครั้งที่จิตเกิดปลิโพธถึงหมู่คณะถึงการงาน ถึงกาลเดินทางแต่เราสามารถตัดอารมณ์เหล่านั้นได้เร็วขึ้น ไม่ปล่อยให้มันตั้งอยู่นานเพราะจิตได้ผ่านการฝึกฝนอบรมควบคุมมามากขึ้น โดยการมีสติระลึกรู้ ทำให้รู้ภาระหน้าที่ว่าเวลานี้เราควรจะทำอะไรและคิดอะไรเพราะบางอย่างนั้น เราคิดปรุงแต่งไปก็ทำไม่ได้ในตอนนี้ จังหวะ เวลาโอกาส สถานที่และบุคคลมันยังไม่พร้อม เหตุและปัจจัยยังไม่เอื้ออำนวย คิดไปก็เสียเวลาเปล่าทำไม่ได้ เอาสมองมาคิดอยู่กับปัจจุบันธรรมสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ดีกว่า เพราะว่ามันเป็นของจริงสิ่งที่กำลังเห็นและกำลังเป็นอยู่…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๒ กันยายน ๒๕๖๕…