ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๖๗

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๖๗…

…”เมื่อน้ำนั้นนิ่งใส ก็จะเห็นสิ่งที่อยู่ภายในนั้นชัดเจน ถ้าน้ำนั้นยังกระเพื่อมอยู่ก็เห็นได้ไม่ชัดเจนเปรียบกับจิตที่เป็นหนึ่ง หยุดนิ่งย่อมรู้หมด มีอะไรรู้หมด เห็นกายเห็นจิตของตนเองได้แล้ว ก็ย่อมจะรู้และเข้าใจในกายและจิตของผู้อื่นเช่นกัน “…

…รำพึงธรรมคำกวีกลอนหกในยามค่ำคืน…

…ตามดู ตามรู้ ในจิต
พินิจ ใคร่ครวญ ศึกษา
หาเหตุ ของความ เป็นมา
มองหา ให้เห็น ความจริง

…จิตนั้น มีการ เกิดดับ
สลับ ไปมา ไม่นิ่ง
จิตนั้น ก็คล้าย กับลิง
กลอกกลิ้ง หวั่นไหว ไปมา

…จึงต้อง หมั่นฝึก สติ
ดำริ เข้าไป ค้นหา
เหตุผล ที่ไป ที่มา
ปัญหา นั้นคือ อะไร

…รู้เหตุ ปัจจัย ที่เกิด
ล้ำเลิศ กว่ารู้ สิ่งไหน
รู้กาย รู้จิต รู้ใจ
รู้ใน รู้นอก ครบครัน

…มองหา ซึ่งเหตุ และผล
ตัวตน ภายใน เรานั้น
ตามดู กิเลส ให้ทัน
สิ่งนั้น คือกิจ ควรทำ

…กิเลส นั้นมี มากมาย
สองฝ่าย คือสูง และต่ำ
ปรุงแต่ง ตามบุญ และกรรม
ชี้นำ ไปใน เส้นทาง

…รู้เท่า รู้ทัน ความคิด
ทำจิต ทำใจ ให้ว่าง
เดินใน เส้นทาง สายกลาง
ทุกอย่าง มีธรรม นำพา

…ดำเนิน ตามแนว แห่งมรรค
ตามหลัก มรรคแปด ศึกษา
ความชอบ ธรรมที่ มีมา
รักษา กายใจ ในธรรม

…ธรรมะ นั้นคือ ที่พึ่ง
ลึกซึ้ง ประเสริฐ เลิศล้ำ
ธรรมะ นำทาง สร้างธรรม
สุขล้ำ มีธรรม คุ้มครอง

…รักษา นำพา กายจิต
ชีวิต จะไม่ เศร้าหมอง
เดินตาม มรรคา ครรลอง
คุ้มครอง กายใจ ด้วยธรรม…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๐ กันยายน ๒๕๖๕…