…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๓…
…ทบทวนเรื่องราวหลากหลายของชีวิตที่ผ่านมาในอดีตทั้งที่เป็นฝ่ายกุศลและฝ่ายที่เป็นอกุศล ก่อนที่จะเข้าสู่เส้นทางสายธรรม วิเคราะห์หาเหตุและปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบในสมัยนั้นที่มันเป็นไปเพราะอะไรเราจึงคิดและทำอย่างนั้นแล้วมองย้อนกลับมาสู่ปัจจุบัน จึงเห็นซึ่งความแตกต่างความแปรเปลี่ยนไปเมื่อก่อนนั้น จิตมันหยาบแข็งกระด้างเพราะอัตตาและมานะของเรายังไม่ถูกขัดเกลา จึงแน่นหนาไปด้วยกิเลสคือความรักโลภ โกรธ หลง ที่เข้าครอบงำจิตของเรา พฤติกรรมที่แสดงออกนั้นจึงก้าวร้าวรุนแรง ตอบโต้ทุกครั้งที่มีอะไรเข้ามากระทบจิต ไม่รู้จักความผิดชอบและชั่วดี ดำเนินชีวิตอยู่ในวิถีแห่งคนพาลสันดานหยาบ หมกมุ่นอยู่กับกิเลสตัณหาและอุปาทานโดยคิดว่ามันคือความสุขจากการที่ได้เสพในสิ่งที่ตอบสนองเหล่านั้น…
…ตามรอยทางแห่งรอยธรรม…
๐ รอยทาง และรอยธรรม
รอยลำนำ คำกวี
รอยทาง นั้นบ่งชี้
ว่าทางนี้ คือทางธรรม
๐ แนวทาง มีมากมาย
ที่จะให้ เรานั้นทำ
เรียนรู้ และจดจำ
แล้วน้อมนำ มาทำตาม
๐ ก้าวพ้น ออกจากทุกข์
ได้พบสุข ทุกโมงยาม
ทางธรรม นั้นงดงาม
ก้าวเดินตาม เส้นทางธรรม
๐ ทางธรรม นำชีวิต
ไม่พลาดผิด จิตใฝ่ต่ำ
กิเลส ไม่ครอบงำ
เพราะมีธรรม นั้นนำทาง
๐ นำทาง สว่างจิต
นำชีวิต ให้ออกห่าง
จากชั่ว คือละวาง
ทำทุกอย่าง ในทางดี
๐ ทางดี คือกุศล
จะเพิ่มผล บารมี
เอาธรรม มานำชี้
สร้างความดี ไว้แก่ตน
๐ ความดี ของชีวิต
เป็นนิมิต แห่งกุศล
ความดี คือมงคล
ติดตามตน ทุกภพไป
๐ ชีวิต ที่ผ่านมา
สร้างคุณค่า แล้วหรือไร
ก่อนที่ จะสิ้นไป
จงสร้างไว้ ซึ่งความดี…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕…