… ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๙๐ …
…วิถีทางและวิถีธรรม…
…เมื่อมีการกระทำ ย่อมมีผลของการกระทำ ซึ่งผลของการกระทำนั้นจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับจังหวะ เวลาโอกาส สถานที่ บุคคลและเจตนาแห่งการกระทำนั้น เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดผล ซึ่งแต่ละคนย่อมมีเหตุและปัจจัยที่แตกต่างกันทำให้ความรู้ ความเห็นและความเข้าใจนั้นแตกต่างกันไปตามเหตุและปัจจัย ไม่มีใครคิดเห็นถูกไปเสียทั้งหมดและไม่มีใครผิดไปทั้งหมดเพราะว่าความคิดเห็นของแต่ละคนนั้นเป็นปัจเจก จึงไม่มีอะไรดีที่สุดและอะไรถูกต้องที่สุด มันมีเพียงความเหมาะสมกับจังหวะ เวลา โอกาสสถานที่และตัวบุคคล
… สัพเพ ธัมมาอนัตตา ธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้นเป็นอนัตตา แปรเปลี่ยนไปตามเหตุและปัจจัย เป็นไปตามความเหมาะสม พิจารณาทำความรู้ความเข้าใจในทุกสรรพสิ่ง ในความเป็นจริงของชีวิต คิดทุกอย่างเข้าหาหลักธรรมให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสพพบเห็นนั้น มันเป็นเช่นนั้นเองเมื่อเข้าใจทุกอย่างก็จบ มันมีคำตอบอยู่ในตัวของมันเอง ไม่ต้องไปสงสัยไม่ต้องไปกังวลใจ ไม่ต้องไปค้นหาเพราะว่า ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง…คือที่มาของชื่ออาศรม “ตถตาอาศรม” เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้นเอง…
…ผิดเป็นครู รู้แล้วจำ จะไม่กระทำผิดอีกเป็นครั้งที่สอง จงท่องให้ขึ้นใจ แล้วนำไปปฏิบัติเตือนตัว เตือนตนอยู่เสมอ ไม่ให้เผลอขาดสติระลึกรู้…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๕…