ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๔

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๑๔…

…ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนแต่สมมุติกันขึ้นมา บัญญัติกันตามชาติและภาษาจึงมีชื่อแตกต่างกันออกไป ไม่มีอะไรจะฝืนกฎของพระไตรลักษณ์ได้เลย ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานั้น คือมายาของโลกสมมุติ ที่เราหลงไปติดอยู่ หลงเข้าไปยึดถือ จนไม่เห็นสัจธรรมที่แท้จริง ของสรรพสิ่งจากธรรมชาติที่อยู่รอบกายและภายในจิตภายในใจของเรา…

…ความบริสุทธิ์ของจิตอยู่ที่ไหน อะไรที่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ สภาวะนั้นมันเป็นอย่างไรได้แต่ถามตัวเอง เคยได้ยินได้ฟัง ได้อ่าน ได้รู้ก็เพียงที่เขาเล่ามาหรือในตำราที่ได้อ่านมันเป็นเพียงสัญญาคือการจำได้หมายรู้ที่บันทึกไว้ในสมองเท่านั้นเพียงท่องได้ จำได้พูดได้ เหมือนว่าจะเข้าใจแต่มันยังไม่ใช่เพราะมันเป็นเพียงสัญญา ซึ่งเป็นปริยัติตามตัวอักษร ที่เราตีความขยายความ…

…สภาวธรรมที่แท้จริงนั้น เราอาจจะยังไม่พบหรือว่าพบแล้ว แต่เป็นเพียงการผ่านกระแสแต่ไม่ได้ทรงอยู่ในสภาวธรรมนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งความเพียรให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่เพื่อทำความพร้อมของกายและจิตของเราสร้างพละให้กลายเป็นอินทรีย์ ให้มีความเหมาะสมที่จะรองรับสภาวธรรมนั้น อย่าอยู่กับความคิดจินตนาการและความฝันจงทำสิ่งนั้นให้ปรากฏซึ่งจะเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับกรรม การกระทำของตัวเราเอง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕…