ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๔

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๔…

…อดีตที่ผ่านมานั้นคือบทเรียน มันเป็นบทเรียนของชีวิต มีทั้งการลองผิดและลองถูกสลับกันไป ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้น มันไม่ใช่ความล้มเหลวแต่เป็นประสบการณ์ของชีวิตและเป็นการเรียนรู้กับชีวิต ไม่ยึดติดฝังใจอยู่กับความผิดพลาดที่ผ่านมานำสิ่งนั้นมาเป็นแรงบันดาลใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆทำให้ดีกว่าที่ผ่านมาชีวิตนั้นต้องเดินไปข้างหน้า สิ่งที่ผ่านมาทั้งหลายนั้นคือประสบการณ์ของชีวิต

…ดั่งที่เคยกล่าวไว้อยู่เสมอว่า “เพียงแต่เราปรับความคิด ชีวิตของเราก็เปลี่ยนไป” ทั้งในทางร้ายและทางดี มันอยู่ที่ใจของเราเป็นตัวกำหนด ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ทุกอย่างเริ่มจากจิต เริ่มจากความคิดแล้วนำไปสู่การกระทำ ซึ่งถ้าเรามีสติและดำริที่เป็นกุศล ผลที่ออกมาก็เป็นไปในทางบวกคือฝ่ายดี แต่ถ้าเราขาดสติหรือมีดำริที่เป็นอกุศล ผลที่ออกมาก็เป็นในทางลบคือทางชั่ว ทุกสิ่งนั้นอยู่ที่ตัวของเราเอง

…แต่ธรรมชาติของมนุษย์ทั้งหลายนั้นต่างมีทิฏฐิมานะ ชอบผลักภาระความผิดไปให้ผู้อื่น ไม่ยอมรับความผิดในสิ่งที่ตนได้กระทำไป มักจะอ้างว่า เพราะสิ่งนั้นเพราะสิ่งนี้ เพราะคนนั้น เพราะคนนี้มันจึงเป็นเช่นนี้ และเมื่อหาคนมารับผิดแทนตนไม่ได้ ก็ไปโทษสิ่งที่ไม่มีชีวิตสิ่งที่มองไม่เห็นตัวตน โทษสถานที่โทษผีสาง เทวดา ให้มารับผิดแทนตนคอยแต่จะโทษผู้อื่นและสิ่งอื่น ไม่ยอมที่จะมามองตนเอง ปรับปรุงและแก้ไขตนเอง มันจึงเกิดความวุ่นวายใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนแล้วมาจากกรรมคือการกระทำของตัวเราเองทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทั้งที่จำได้และจำไม่ได้ทุกอย่างล้วนมีเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดสิ่งนั้นและสิ่งนี้

…ขอเพียงให้เรามีสติในการคิดและทบทวนเราก็จะเห็นเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดของสรรพสิ่งทั้งหลาย ทั้งทางดีและทางร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๗ สิงหาคม ๒๕๖๕…