ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๗๙

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๗๙…

…” จิตที่ตั้งไว้ชอบ ย่อมเป็นปัจจัยแก่การทำกัลยาณธรรม “…

” สมฺมาปณิหิตํ จิตตํ ปจฺจโย
กลฺยาณสฺส กมฺมสฺส กิริยาย “
…พุทธสุภาษิต มหาลิสูตร ๒๔/๙๐…

…การปฏิบัติธรรมนั้น เป็นไปเพื่อออกจากกระแสโลก คือให้หลุดออกจากการยึดถือในโลกธรรมทั้ง ๘ ซึ่งเป็นกระแสโลกอันได้แก่ สุข-ทุกข์ ลาภ-เสื่อมลาภ ยศ-เสื่อมยศสรรเสริญ-นินทา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุนำมาซึ่งความทุกข์ความเร้าร้อน ความวุ่นวาย ชีวิตในกระแสโลกนั้นดำเนินไปเพื่อสนองตอบกิเลสและตัณหาของตัวเราและคนรอบข้าง เป็นไปเพื่อ กินกาม เกียรติ ก่อให้เกิดการเบียดเบียนแข่งขัน แย่งชิง ซึ่งกันและกันเพื่อสนองตอบความต้องการของเราเป็นไปอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นไปเพื่อความอยากมี อยากเป็น อยากได้เพื่อการสะสมซึ่งกิเลส

…แต่การปฏิบัติธรรมนั้น เป็นไปเพื่อการลดละและปล่อยวาง ทำให้ว่าง ทำให้เบาจางคลายจากกิเลสทั้งหลายอันได้แก่ ทิฐิมานะ อัตตา กิเลส ตัณหาและอุปาทานเป็นไปเพื่อความไม่มี เพื่อความละวางให้จิตว่างจากอกุศล เพื่อความหลุดพ้นออกจากกองทุกข์ทั้งปวง

…มันคงจะถึงเวลาแล้วที่ต้องหันมาพิจารณาตัวเราเรียกร้องตัวเรา บังคับตัวเรา ให้ดำเนินชีวิตไปในกรอบของศีลธรรมตามพระธรรม คำสอนของพระศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าละวางเรื่องทางโลกทั้งหลาย กลับมาสู่วิถีแห่งสมณะ บำเพ็ญกิจที่แท้จริงของสมณะ…

…แด่ความหลงใหลในกระแสโลกที่ผ่านมาของตัวเรา…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒ ตุลาคม ๒๕๖๕…