ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๕๓

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๕๓…

..ระลึกถึงคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านได้กล่าวไว้ “จิตที่ส่งออก เป็นสมุทัยผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอกเป็นทุกข์จิตเห็นจิตเป็นมรรค ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ”

…การเจริญวิปัสสนาคือการเจริญสติปัฏฐาน ๔ คือการบำเพ็ญภาวนากุศลการฝึกตนให้มีสติอยู่กับรูปและนามคือความเป็นผู้ไม่ประมาทไม่อยู่ปราศจากสติ ผู้นั้นจึงได้ชื่อว่าปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติเป็นมัชฌิมาคือสายกลาง ปฏิบัติถูกต้องตามพุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ชอบแล้ว…

…รู้อะไร ไม่สู้ รู้ใจตน…

๐ จงรู้ตัว รู้ทัน ในความคิด
จง รู้จิต รู้กาย ให้ถ้วนทั่ว
มีสติ คู่กาย และคู่ตัว
รู้ให้ทั่ว รู้พร้อม แล้วน้อมตาม

๐ ควร รู้ธรรม มีธรรม ประจำจิต
เพ่งพินิจ ศึกษา และสอบถาม
พึงค้นคว้า ค้นหา พยายาม
ในนิยาม ความหมาย แห่งตัวตน

๐ เมื่อ รู้ธรรม เห็นธรรม จงทำพร้อม
โดยนำน้อม เข้ามา หาเหตุผล
ถ้า รู้ธรรม แล้วไม่ทำ ก็สุดทน
สิ้นค่าคน ไม่รู้ใน ใจตนเอง

๐ส่วนกิเลส ผู้อื่นเขา เรารู้หมด
ไปกำหนด คนอื่น เรื่องนั้นเก่ง
แต่ไม่เคย กำหนด ดูตนเอง
ชอบไปเพ่ง โทษเขา น่าเศร้าใจ

๐ การเพ่งโทษ ผู้อื่น สิ่งนั้นหรือ
มันก็คือ เพิ่มโทษ ตัวเองใหม่
ให้กิเลส เพิ่มพูน ขึ้นเรื่อยไป
เพิ่มกิเลส ตัวใหม่ ให้เกิดมา

๐ จงมองกาย มองใจ ให้มองจิต
มองความผิด ของตน จงค้นหา
ดูกิเลส ของตน ที่มีมา
เพียรค้นหา กิเลสใน ใจของตน

๐ เมื่อรู้เห็น แล้วจึง เข้าลดละ
เพราะธรรมะ นั้นมี ซึ่งเหตุผล
สอนให้เรา รู้จัก ในตัวตน
มีเหตุผล รองรับ ความเป็นจริง

๐ เพราะทุกอย่าง นั้นเริ่ม ที่สติ
เมื่อดำริ กำหนดใจ ให้มันนิ่ง
รู้เห็นธรรม ตามความ ที่เป็นจริง
สรรพสิ่ง รอบกาย นั้นคือธรรม…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๖ กันยายน ๒๕๖๕…