ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๔

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๔…

…ลมหายใจแห่งสายธรรม…

…ในการทำงานแต่ละอย่างนั้น เราต้องปลุกจิตปลุกใจให้มีฉันทะคือความพึงพอใจในงานนั้นมีความปีติยินดีในสิ่งที่กระทำมีสติอยู่ทุกขณะจิตในขณะที่ทำงานนั้นๆ งานที่ทำนั้นก็จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ตามหลักธรรมของอิทธิบาท ๔ คือต้องมี ฉันทะวิริยะ จิตตะ วิมังสา งานนั้นจึงจะก้าวหน้าและนำไปสู่ความสำเร็จการที่จะทำให้จิตเจริญอยู่ในอิทธิบาท ๔ ได้นั้น เกิดได้จากการใช้สติพิจารณา ให้เห็นถึงคุณถึงโทษ ถึงประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ในสิ่งที่จะกระทำ คิดถึงประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านที่จะได้รับถ้าสิ่งที่กระทำนั้นสำเร็จผลแล้วจิตจะเกิดศรัทธามีกำลังใจที่จะกระทำในสิ่งนั้น ความปีติยินดีที่ได้กระทำก็จะเกิดขึ้น มีความเพลิดเพลินในการกระทำ จิตในขณะที่กระทำก็จะเป็นกุศลจิตเพราะมีอารมณ์ธรรมแห่งพรหมวิหารคุ้มครองอยู่

…การทำงานนั้นจึงเป็นการปฏิบัติธรรมถ้ามีศรัทธาความเชื่อมั่นในความดีแล้วจะทำให้ไม่ลำบากที่จะกระทำในสิ่งที่เป็นบุญกุศล เพราะว่าใจของเรานั้นมีความพร้อมที่จะกระทำ ทุกอย่างเริ่มที่ใจ

…ธรรมะนั้นมีอยู่ทุกที่และทุกเวลาเกิดขึ้นอยู่เสมอ ผู้มีปัญญาย่อมน้อมเข้ามาสู่ตนเอง คือน้อมเข้ามาพิจารณาในตัวเอง เมื่อพิจารณามากเข้า ก็จะถึงซึ่งความเป็นปัจจัตตังคือสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน ทำเองเห็นเองและรู้เองในสิ่งที่ทำ…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑ ตุลาคม ๒๕๖๕…