คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๓

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๓…

…ที่ผ่านมาเราไปยึดถือสิ่งที่ไร้สาระเอามาเป็นสาระ ทำให้เสียเวลาในการปฏิบัติธรรม การพัฒนาทางจิตเลยไม่ก้าวหน้า เพราะมัวแต่เสียเวลาอยู่กับสิ่งไร้สาระตามกระแสของโลกซึ่งเมือได้ทบทวนพิจารณาดูแล้วจึงได้รู้ว่าเรายังเป็นผู้ประมาทในชีวิต…

…การปฏิบัติธรรมนั้นเป็นไปเพื่อออกจากกระแสโลก คือให้หลุดออกจากโลกธรรม ๘ ซึ่งเป็นกระแสโลกอันได้แก่ สุข-ทุกข์…ลาภ-เสื่อมลาภ

…ยศ-เสื่อมยศ…สรรเสริญ-นินทา ซึ่งสิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความทุกข์ความเร้าร้อน ความวุ่นวาย ชีวิตในกระแสโลกนั้นดำเนินไปเพื่อสนองตอบกิเลสและตัณหาของตัวเราและคนรอบข้าง เป็นไปเพื่อ กิน กาม เกียรติก่อให้เกิดการเบียดเบียน แข่งขัน แย่งชิงซึ่งกันและกันเพื่อสนองตอบความต้องการของเราเป็นไปอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นไปเพื่อความอยากมี อยากเป็น อยากได้ เพื่อการสะสมซึ่งกิเลสตัณหา…

…แต่การปฏิบัติธรรมนั้น เป็นไปเพื่อการ ลดละและปล่อยวางทำให้ว่าง ทำให้เบา จากทิฏฐิมานะ อัตตา กิเลส ตัณหาและอุปาทานเป็นไปเพื่อความไม่มี เพื่อความละวางให้จิตเราว่างจากอกุศลเพื่อความหลุดพ้นออกจากกองทุกข์ทั้งปวง

…มันคงจะถึงเวลาแล้วที่เราต้องหันมาพิจารณาตัวเราเรียกร้องตัวเราบังคับตัวเรา เพิ่มขึ้นไปกว่านี้เพื่อให้ดำเนินชีวิตไป ในกรอบของธรรมวินัยตามพระธรรมคำสอนของพระศาสดาพระสัมมาพุทธเจ้า…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕…