…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๓๘….
…ถ้าปฏิบัติ ปฏิบัติชอบ อยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย ทรงไว้ซึ่งสมณะสารูปไม่มีบาดแผล ความผิดที่ปกปิดซ่อนไว้จะกลัวทำไมกับการปฏิรูปพุทธศาสนาอย่ากล่าวอ้างว่าปกป้องพุทธศาสนาเพื่อว่าสนองกิเลสตัณหาของตนเอง…
…ดั่งที่เคยได้กล่าวไว้เสมอว่า “ถ้าเชื่อทันทีอาจจะนำไปสู่ความงมงาย ถ้าปฏิเสธทันทีอาจจะทำให้เราขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับ เราจึงควรที่จะคิดพิจารณาใคร่ครวญไตร่ตรองให้รอบคอบในสิ่งที่รู้ที่เห็น ควรจะทดลองพิสูจน์ฝึกฝนที่ใจตน ให้เกิดความกระจ่างชัดรู้ซึ้งถึงเหตุและปัจจัย ความเป็นมาเป็นไปให้ขึ้นด้วยใจตน แล้วจึงจะเชื่อหรือปฏิเสธ โดยเอาเหตุและผลที่เป็นจริงมาเป็นที่ตั้ง แล้วทุกอย่างก็จะสรุปจบลงที่ใจ”
… จึงขอฝากไว้ให้เป็นข้อคิดพิจารณาในการศึกษาและปฏิบัติธรรมของท่านทั้งหลายผู้ใคร่ซึ่งความเจริญในธรรม…
…การทำงานของจิตนั้น เหมือนเรากำลังทำปริญญาเทียบเคียงได้ว่า…
…ปริญญาตรี คือการฝึกความจำและฝึกตีความ เพื่อทำความเข้าใจ
…ปริญญาโท คือการฝึกหาข้อมูล หาที่มาที่ไป เพื่อให้เข้าใจในกระบวนการเหล่านั้น
…ปริญญาเอก คือการวิจัย การทดลองลงมือปฏิบัติ เพื่อให้รู้ชัดและเห็นจริง
…ซึ่งเทียบเคียงได้กับหลักดำเนินการทางจิตคือ
…ปริยัติ คือการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ การฟัง การอ่านการพูดคุย การดู คือการเรียนรู้
…ปฏิบัติ คือการเอา ความรู้ทั้งหลายนั้นมาทดลองทำ ตามที่รู้ ตามที่เห็นและตามที่เข้าใจ ว่ามันใช่หรือมิใช่ เหมาะสมหรือไม่รู้ได้ด้วยการปฏิบัติ
…ปฏิเวธ คือบทสรุปในข้อมูลทั้งหลายที่ได้นำมาทดลองทำมาแล้วและออกมาเป็นผลสำเร็จตามเป้าหมาย…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๘ เมษายน ๒๕๖๕…