…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓…
…มองย้อนกลับไป หลายปีที่ผ่านไปเราได้เห็นอะไรมากมาย ได้จดบันทึกไว้และเมื่อเราได้นำบันทึกเก่าๆกลับมาอ่านได้เห็นถึงพัฒนาการของจิต ความรู้สึกนึกคิดที่แปรเปลี่ยนไป ซึ่งเกิดจากการสั่งสมอบรมจิตอย่างต่อเนื่องไม่ทิ้งธุระไม่ละศรัทธา พิจารณาอยู่เนืองนิจ จิตจึงได้พัฒนา ความเจริญก้าวหน้านั้นต้องประกอบด้วยปัจจัย ๔ ที่เรียกว่าอิทธิบาท ๔ อันประกอบด้วย…
๑. ฉันทะ ความยินดีพึงพอใจในสิ่งที่กระทำ (ทำในสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ใช่)
๒. วิริยะ ความเพียรพยายามทำในสิ่งนั้น (คือสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ใช่)
๓. จิตตะ ไม่ละความเพียรพยายามทำอยู่สม่ำเสมอไป (ในสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ใช่)
๔. วิมังสา พิจารณา ใคร่ครวญ ทบทวนในสิ่งที่ทำ ว่ามันเป็นเช่นไร (ในสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ใช่)
แล้วเราจะเห็นความแปรเปลี่ยนไปทั้งในความเสื่อมและความเจริญ ด้วยองค์แห่งอิทธิบาท ๔ ซึ่งถ้ามีความพอดีก็จะนำไปสู่ความเจริญแต่ถ้าตัวใดขาดหรือตัวใดเกิน จนเกิดความไม่พอดี ก็จะไม่มีการพัฒนาก้าวหน้าเจริญขึ้นได้ และเมื่อไหร่ที่ความเจริญในธรรมนั้นไม่ก้าวหน้าให้กลับมาพิจารณาที่ “อิทธิบาท ๔” เพราะคำนี้แปลว่าทางสู่ความสำเร็จ….
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๔ มีนาคม ๒๕๖๕…