บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๘๘

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๘๘…

… “มีสติแนบอยู่กับตัวรู้ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน พิจารณาลมหายใจเป็นพระไตรลักษณ์พิจารณากายคตานุสติ คือพิจารณาร่างกายของเราเอง ให้มันชัดแจ้งทั้งกายภายนอกและกายภายในเมื่อเราเห็นกายและจิตของเราแล้วเราก็จะเห็นและเข้าใจในกายและจิตของผู้อื่นเช่นกัน”…

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๘๘”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๑

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๑…

…หนทางสู่ความสำเร็จนั้นอาจจะยังอยู่อีกยาวไกลแต่จงอย่าได้หวั่นไหวท้อใจขอเรามีความตั้งใจที่มั่นคงเดินในเส้นทางที่ตรงสู่ความฝันระยะทางสู่ความสำเร็จนั้นมันย่อมสั้นลงมาทุกขณะอย่าไปสนใจในระยะของเส้นทางเลย…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๑”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๖

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๖…

…การปฏิบัติธรรม เป็นการทำเฉพาะตนตามกำลังความรู้ความสามารถของตนสภาวธรรมทั้งหลายเป็นของเฉพาะตนครูบาอาจารย์ท่านกล่าวเตือนสอนไว้ให้เรานั้น ดูตัวเราเอง ดูในข้อวัตรปฏิบัติของเรา ว่ามันเป็นอย่างไร ตึงเกินไปหรือว่าหย่อนยานเกินไป เพื่อแก้ไขปรับปรุงตัวเองให้มีความพอดี มีความเหมาะสมลงตัวกับ “เวลา จังหวะ โอกาส สถานที่ และบุคคล”

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๖”

ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๓๑

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๓๑…

…จิตสำนึกแห่งคุณธรรม…

… มนุษย์ทุกคนมีความคิดถูกหรือผิดต่างรู้อยู่แก่ใจแต่ที่ยังกระทำลงไปในสิ่งผิดเป็นเพราะว่าขาดจิตสำนึกแห่งคุณธรรม ที่จะหักห้ามใจมิให้กระทำผิด

… จิตสำนึกต้องผ่านการฝึกฝนฝึกนึกฝึกคิดปรับจิตให้เป็นกุศลฝึกพูดในสิ่งที่เป็นมงคลแก่ตนเองและผู้อื่น ฝึกกระทำในสิ่งที่คิดและพูดที่เป็นความดี เพียรกระทำอย่างนี้อย่างสม่ำเสมอ จนเกิดเป็นความเคยชินและติดเป็นนิสัย

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๓๑”

บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๘๗

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๘๗…

…คดีทางโลกนั้นมีอายุความ แต่เรื่องของกรรมอายุความนั้นไม่มี ตราบใดที่ยังไม่ได้ชดใช้ซึ่งวิบากกรรมกรรมนั้นย่อมตามติดตัวอยู่เสมอ…

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๘๗”

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๐

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๐…

…สรรพสิ่งเพียงผ่านมาแล้วก็จากไปสิ่งที่เหลือไว้นั้นคือความทรงจำกาลเวลาคือเครื่องพิสูจน์สรรพสิ่งธรรมชาติหรือเทคโนโลยีหนีไม่พ้นกฎของธรรมชาติเกิดขึ้น…ตั้งอยู่…ดับไป ไม่มีอะไรจีรังและยั่งยืน อนิจจัง ทุกขังอนัตตา ทุกสิ่งล้วนภาพมายา ไม่ควรจะมัวเมาลุ่มหลง ปลด ปลง ปล่อยวางออกห่างจากอกุศลจิต เพื่อกำหนดทิศทางใหม่ให้ชีวิต ถูกหรือผิดสิ่งนั้นรู้อยู่แก่ใจ แล้วทำไมต้องคล้อยตามมันอดีตที่ผ่านไปเกินครึ่งของชีวิต จมดิ่งมืดมิดอยู่ในโลกสีดำ ถลำหลงไปในโลกแห่งมายา ก่อนที่จะได้เข้าสู่เส้นทางสายธรรม วันเวลานั้นเหลืออีกน้อยนิดชีวิตนี้อย่าได้ประมาทไปเลย…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๐”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๕

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๕…

…ในยุคสมัยของความฉับไวแห่งข่าวสารวันหนึ่ง ๆ เราต้องรับรู้เรื่องราวมากมายทั้งทางดีและทางร้าย ทั้งความวุ่นวายสับสนและความสงบนิ่ง ทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง ถ้าเราไม่นิ่ง ขาดการใคร่ครวญพิจารณา ไม่มีสติสัมปชัญญะ เราก็จะตามความคิดปรุงแต่งไม่ทัน เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องราวอารมณ์เหล่านั้น ใจเรามันก็จะวุ่นวาย สับสนและทุกข์ไปด้วย

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๕”

ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๓๐

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๓๐…

…สรรพสิ่งมันเป็นเช่นนั้นเอง…

…สรรพสิ่งเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง
คือความจริงสัจจะในวันนี้
และปัญหาหลายหลากที่มากมี
คือสิ่งที่ต้องคิดพิจารณา…

…ทุกอย่างนั้นล้วนเกิดจากต้นเหตุ
ควรสังเกตวิเคราะห์และศึกษา
ทุกอย่างนั้นมีเหตุให้เกิดมา
จงมองหาให้เห็นความเป็นจริง…

…เมื่อรู้เห็นและเข้าใจในที่เกิด
จิตบรรเจิดย่อมเข้าใจสรรพสิ่ง
เห็นเหตุผลและปัจจัยใช้อ้างอิง
เพราะทุกสิ่งล้วนเกิดดับธรรมดา…

…มีเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับ
เปลี่ยนสลับกันไปตามเนื้อหา
อนิจจังทุกขังอนัตตา
ธรรมดามันเป็นเช่นนั้นเอง…

…เมื่อจิตรู้และเข้าใจในสิ่งนี้
ก็ไม่มีอะไรไปข่มเหง
เกิดละอายในชั่วและกลัวเกรง
จิตก็เก่งมีสติใช้ตริตรอง…

…เมื่อมองโลกมองธรรมนำมาคิด
ชำระจิตชำระใจไม่เศร้าหมอง
ดำเนินจิตก้าวไปในครรลอง
และเฝ้ามองกายจิตคิดถึงธรรม…

…มีสติระลึกรู้อยู่ทั่วพร้อม
จิตก็น้อมพาใจไม่ใฝ่ต่ำ
จิตก็เดินไปในโลกและในธรรม
เพราะน้อมนำธรรมะมานำทาง..

…เดินตามธรรมนำทางสว่างจิต
นำชีวิตก้าวไปใจสว่าง
รู้จักลดรู้จักละรู้จักวาง
ไม่หลงทางเพราะมีธรรมนั้นนำไป…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๕…

บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๘๖

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๘๖…

…ปลายฝนก็ต้นหนาว
ข้าวในนากำลังออกรวง
ลมหนาวเริ่มพัดมาเยือน
สัญญาณเตือนให้รู้ว่า
หน้าฝนกำลังจะผ่านไป
ฤดูกาลใหม่กำลังมาเยือน
เปลี่ยนไปตามฤดูกาล…

…กาลเวลาที่ผ่านไป
เก็บเกี่ยวอะไรได้มากมาย
ได้รู้และเข้าใจในชีวิต
เห็นความถูกผิดในความคิด
และสิ่งที่ได้กระทำที่ผ่านมา
ได้รู้ว่าจุดหมายปลายทางนั้นยังไกล
และต้องก้าวเดินต่อไปสู่จุดหมาย…

…ในอ้อมกอดแห่งขุนเขา
ใต้ร่มเงาหมู่มวลพฤกษา
บนจุดหนึ่งของกาลเวลา
ถามตนเองเสมอว่าแสวงหาสิ่งใด
ทบทวนดูถึงสิ่งที่ผ่านไป
จงรู้ว่าความหวังที่ตั้งไว้
นั้นก้าวไกลถึงไหนแล้ว…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๔…

ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๙

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๙…

…หลวงพ่อพุทธทาสท่านสอนไว้ว่า ชีวิตคือการทำงาน การทำงานอย่างมีสตินั้นคือการปฏิบัติธรรม ดำเนินชีวิตด้วยการทำงานทั้งทางภายนอกและภายใน ควบคุมกายใจด้วยสติและสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา พิจารณาให้เห็นความเป็นจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลาย ทำใจให้ยอมรับกับสภาพแห่งความเป็นจริงในสิ่งเหล่านั้นเมื่อใจรับได้ เพราะรู้และเข้าใจในความเป็นไปของสิ่งเหล่านั้น เห็นที่มาที่ไปเหตุปัจจัยของสิ่งทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้น เมื่อละวางมันได้ความทุกข์เพราะความกังวลทั้งหลายก็หายไปสิ้นไป จิตเข้าสู่ความโปร่ง โล่ง เบา สบาย…

อ่านเพิ่มเติม “ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๙”