เจริญสุข เจริญธรรมในวันสงกรานต์

…เจริญสุข เจริญธรรมในวันสงกรานต์…

…เจริญธรรมอย่างเดียว ชื่อว่า
เจริญธรรมอย่างอื่นอีกมาก…

…“ดูก่อนอานนท์ ! ธรรมอย่างหนึ่ง คืออานาปานสติสมาธิ (สมาธิ ซึ่งมีสติกำหนดลมหายใจเข้าออกเป็นอารมณ์) อันบุคคล เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมทำสติปัฏฐาน (การตั้งสติ) ๔ อย่างให้สมบูรณ์ สติปัฏฐาน ๔ อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมทำโพชฌงค์ (องค์ประกอบแห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้) ๗ อย่างให้บริบูรณ์โพชฌงค์ ๗ อันบุคคลเจริญ ทำให้มากแล้ว ย่อมทำวิชชา (ความรู้) วิมุติ (ความหลุดพ้น) ให้บริบูรณ์”…
…สังยุตนิกาย มหาวรรค ๑๙/๔๑๗…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๓ เมษายน ๒๕๖๔…

บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๑๐

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๑๐…

…ในยามที่จิตคิดฟุ้งซ่าน การเข้าไปจัดการความฟุ้งซ่านให้ดับลง ต้องใช้การน้อมใจมาดูจิต ดูความคิดทั้งหลายของเรา เอาจิตถามจิต ว่าทำไมต้องคิดต้องปรุงแต่งคิดแล้วได้อะไร คิดแล้วทำได้หรือไม่ สิ่งที่คิดนั้นเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล คิดแล้วมีผลเป็นอย่างไรมีคุณหรือไม่ อะไรเป็นเหตุที่ทำให้คิดเอาจิตถามจิต หาคำตอบที่จิตของเราเองเอาจิตถามจิต จนเห็นที่เกิดของจิตคือเห็นต้นเหตุแห่งความคิด จึงจะเข้าใจในความคิด เข้าใจจิตและเข้าใจในธรรมซึ่งต้องหมั่นทำอยู่อย่างสม่ำเสมอจนเกิดเป็นความเคยชินของจิต เมื่อมีสิ่งมากระทบและทำให้เกิดความคิด ทำให้จิตแปรเปลี่ยนไป ตามดู ตามรู้ ตามเห็น ให้ทันกับสิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้น

…โดยใช้สติสัมปชัญญะเป็นตัวควบคุมดูแล คุ้มครองจิตนั้น โดยเอาปัจจุบันธรรมทั้งหลายมาเป็นอารมณ์กัมมัฏฐานในการที่จะคิดและพิจารณา เพื่อปรับเข้าหาธรรมดั่งคำที่ว่า รู้กาย รู้ใจ รู้จิต รู้ทันความคิดก็เห็นธรรม…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒ สิงหาคม ๒๕๖๔…

ปรารภธรรมและคำกวีก่อนทำวัตรเช้า

…ปรารภธรรมและคำกวีก่อนทำวัตรเช้า…

…ธรรมชาติของมนุษย์ทั้งหลายนั้นต่างมีทิฏฐิมานะและอัตตาอยู่ในตัวชอบผลักภาระความผิดไปให้ผู้อื่นไม่ยอมรับความผิดในสิ่งที่ตนได้กระทำไป มักอ้างว่า เพราะสิ่งนั้นเพราะสิ่งนี้ เพราะคนนั้น เพราะคนนี้มันจึงเป็นเช่นนี้ และเมื่อหาคนมารับผิดแทนตนไม่ได้ ก็ไปโทษสิ่งที่ไม่มีชีวิต สิ่งที่มองไม่เห็นตัวตนโทษสถานที่ โทษผีสาง เทวดาให้มารับผิดแทนตน คอยแต่จะโทษผู้อื่นและสิ่งอื่น ไม่ยอมที่จะมามองตนเอง เพื่อที่จะปรับปรุงและแก้ไขตนเอง

…มันจึงเกิดความวุ่นวาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนแล้วมาจากกรรม คือการกระทำของตัวเราเองทั้งในอดีตและปัจจุบันทั้งที่จำได้และจำไม่ได้ ทุกอย่างล้วนมีเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดสิ่งนั้นและสิ่งนี้ ขอเพียงให้เรามีสติระลึกรู้คิดทบทวนใคร่ครวญเราก็จะเห็นเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดของสรรพสิ่งทั้งหลาย ทั้งทางดีและทางร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา…

อ่านเพิ่มเติม “ปรารภธรรมและคำกวีก่อนทำวัตรเช้า”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๙

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๙…

…พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวสอนไว้ว่าให้ขัดเกลากิเลสในจิตใจด้วยการภาวนาการภาวนานั้นเป็นบุญอันยิ่งใหญ่สูงสุดเพราะทำให้จิตไม่ติดไม่ข้องอะไร บุญนั้นเกิดที่ใจ มันก็ได้บุญแล้ว กิเลสมีอยู่ในตัวเราทุกคน การรักษาศีล เจริญภาวนานั้นเพื่อต้องการที่จะชำระกิเลส ความชั่วความมัวหมองให้ออกจากจิตใจของเราพระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาทั้งหลายนั้น ก็เพื่อให้นำมาประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้ชำระ กาย วาจา ใจ ให้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์เท่านั้น…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๙”

รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๘๙

…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๘๙…

…“อย่าไปหวั่นไหวกับกระแสโลกจนเกินไป คืออย่าไปยินดี ยินร้ายกับคำสรรเสริญและคำนินทา ความสุขหรือความทุกข์ และลาภยศทั้งหลายอย่าไปหวั่นไหวกับมัน เพราะว่าความหวั่นไหวนั้น มันจะทำให้เราขาดความเชื่อมั่นและศรัทธาในตนเองเรียกว่าเป็นคนไม่แน่นอน ทำอะไรไม่แน่นอน จิตนั้นย่อมทุรนทุรายหวั่นไหวไปกับโลกธรรม นำมาซึ่งความทุกข์ทั้งหลาย ถ้าเราวางใจให้อยู่เหนือโลกธรรมได้เมื่อไรใจของเรานั้นก็จะเป็นสุข”…

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๘๙”

วิถีที่เป็นไปของสมณะไร้นาม

…วิถีที่เป็นไปของสมณะไร้นาม…

๐ ซ่อนเร้น อยู่บน ภูเขา…ใต้เงา ของมวล พฤกษา
หลบหลีก ซึ่งกาล เวลา…ค้นหา ซึ่งสัจ จธรรม
โดดเดี่ยว แต่ไม่ เดียวดาย…สหาย มีมา เช้าค่ำ
มาเพื่อ ขอคำ แนะนำ…ทางธรรม ทางโลก มีมา
แนะนำ ส่่งเสริม แก้ไข…สิ่งใด ที่เป็น ปัญหา
ตรึกตรอง ลองใช้ ปัญญา…มองหา ทางออก ให้มัน
ปัญหา ทุกอย่าง แก้ได้…หากใช้ ธรรมะ จัดสรรค์
พอเพียง พอดี มีกัน…แบ่งปัน ทุกอย่าง ลงตัว
เอาธรรม มานำ ความคิด…วางจิต ไม่คิด ทำชั่ว
บาปกรรม นั้นต้อง เกรงกลัว…ความชั่ว จงอาย อย่าทำ
หิริ และโอต ตัปปะ…ธรรมะ ที่มี ค่าล้ำ
สิ่งนี้ คือเท วธรรม…ชี้นำ ให้เป็น คนดี
อัตตา ทิฏฐิ มานะ…มักจะ เป็นตัว บ่งชี้
ปัญหา ทุกอย่าง ที่มี…สิ่งนี้ แหละเป็น ตัวการ
ตัวกู ของกู ยึดถือ…มันคือ ต้นเหตุ พื้นฐาน
ยึดถือ กันมา นมนาน…เกิดการ ไม่ยอม ละวาง
มองเพียง ประโยชน์ ของตน…เหตุผล เอามา กล่าวอ้าง
ตนเอง ถูกไป ทุกทาง…ทุกอย่าง ต้องตาม ใจตน
มันจึง เกิดเป็น ปัญหา…เพราะว่า ไม่ฟัง เหตุผล
ยึดถือ ความคิด ของตน…ของคน อื่นนั้น ผิดทาง
เมื่อใด ที่ยอม ลดละ…ก็จะ เห็นทาง สว่าง
เมื่อใด ทำใจ เป็นกลาง…ทุกอย่าง ก็จบ สิ้นกัน

๐ ปัญหา เกิดจาก อัตตา…เพราะว่า ไปติด ยึดมั่น
ทิฏฐิ มานะ ละกัน…เมื่อนั้น จะพบ เส้นทาง
เอาธรรม มานำ ความคิด…ฝึกจิต ไปตาม แบบอย่าง
เข้าถึง ซึ่งการ ปล่อยวาง….ทุกอย่าง สำเร็จ ด้วยธรรม…

…ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต…
…รว สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร…
…๒ ธันวาคม ๒๕๕๔…

ชีวิตตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่

…ชีวิตตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่ย่อมก้าวเดินไปข้างหน้าตลอดเวลาอยู่ที่ว่าเรานั้นจะเลือกเส้นทางเดินว่าจะให้ชีวิตเรานั้นเดินไปในทิศทางใดมันอยู่ที่การตัดสินใจของตัวเราเองตามความคิดความเห็นและสิ่งที่เป็นอยู่เส้นทางชีวิตจึงมีหลายสายให้เราเลือกเดิน ซึ่งมันขึ้นอยู่กับจิตสำนึกและคุณธรรมของเรา ว่าจะเลือกเอาเส้นทางไหนที่จะก้าวเดินไป

อ่านเพิ่มเติม “ชีวิตตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่”

ห้วงหนึ่งแห่งกาลเวลา

…ห้วงหนึ่งแห่งกาลเวลา…

…เก็บมา ใคร่ครวญ ขบคิด
ตั้งจิต สนใจ ใฝ่หา
เรียนรู้ กับโลก มายา
ค้นหา ให้เห็น ตัวตน

…ค้นหา ให้เห็น พื้นฐาน
คือการ เรียนรู้ เบื้องต้น
รู้จิต รู้ใจ ของคน
เริ่มต้น ที่ตัว ของเรา

…รู้กาย รู้จิต ของตัว
รู้ทั่ว รู้พร้อม ไม่เขลา
ตามดู รู้เห็น จิตเรา
ขัดเกลา ฝึกจิต คิดดี

…เมื่อไหร่ ที่เห็น จิตเรา
ก็เข้า ใจซึ่ง จิตนี้
จิตเรา จิตเขา ที่มี
จิตนี้ ก็คล้าย คลึงกัน

…ล้วนมี กิเลส ตัณหา
อัตตา ตัวตน ทั้งนั้น
ตามดู ตามรู้ ให้ทัน
จิตนั้น เคลื่อนไหว ไปมา

…เคลื่อนตาม สิ่งที่ กระทบ
เมื่อพบ เจอกับ ปัญหา
ผัสสะ ที่ผ่าน เข้ามา
ทางตา ทางลิ้น กายใจ

…จิตนั้น เข้าไป รับรู้
ติดอยู่ จึงให้ หวั่นไหว
ปรุงแตก คล้อยตาม มันไป
หวั่นไหว เพราะจิต คิดตาม

…หยุดคิด หยุดจิต ที่ปรุง
เรื่องยุ่ง ก็จะ ก้าวข้าม
วางสิ่ง รู้เห็น ไม่ตาม
เห็นความ สงบ พบจริง

…สยบ ซึ่งความ เคลื่อนไหว
ทำใจ ของเรา ให้นิ่ง
รู้เห็น ตามที่ เป็นจริง
ทุกสิ่ง สมมุติ ขึ้นมา

…เข้าใจ ในพระ ไตรลักษณ์
รู้หลัก ต้นเหตุ ปัญหา
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ จากลา
อัตตา ก็จะ ลดลง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕…

รำพึงธรรมในยามเย็นที่ริมสระน้ำ

…รำพึงธรรมในยามเย็นที่ริมสระน้ำ…

…ได้เขียนบทความและบทกวีธรรมมามากมายหลายพันบท ตลอดระยะเวลาที่เข้ามาสู่โลกของอินเตอร์เน็ตการสื่อสารที่ไร้พรมแดน นำเสนอซึ่งมุมมองความคิดเห็น ในเรื่องทางโลกและทางธรรม โดยไม่ได้คาดหวังผลตอบรับใด ๆ ที่จะเกิดขึ้น เป็นเพียงการบันทึกความรู้สึกนึกคิดของตนในแต่ละช่วง จังหวะเวลาและโอกาส และนำมาแบ่งปันแก่ผู้ที่สนใจใคร่ในธรรมทั้งหลายเพื่อได้ศึกษาแลกเปลี่ยนความคิดมุมมองแก่กัน บทความ บทกวีทุกบทนั้นได้เขียนเพื่อย้ำเตือนจิตสำนึกของตนเอง…

อ่านเพิ่มเติม “รำพึงธรรมในยามเย็นที่ริมสระน้ำ”

เจริญกุศลธรรมคำกวีในยามใกล้รุ่งอรุณ

…เจริญกุศลธรรมคำกวีในยามใกล้รุ่งอรุณ…

๐ อยู่กับโลก ด้วยธรรม นำความคิด
ปรับชีวิต เข้ากับธรรม นำเหตุผล
มีสติ ระลึกทั่ว ทั้งตัวตน
วิญญูชน พึงจะ ควรกระทำ

๐ พึงพอใจ ในสิ่ง ที่ตนมี
ความพอดี พอเพียง มาหนุนค้ำ
ไม่ปล่อยใจ ให้ความโลภ เข้าครอบงำ
สิ่งที่ทำ สิ่งที่ได้ ใจเพียงพอ

๐ ทำหน้าที่ ของตน ให้เต็มที่
อย่าให้มี จิตใจ ที่ย่อท้อ
อย่าเพียงหวัง โชคชะตา ตั้งหน้ารอ
เพียงแต่ขอ แต่ไม่ทำ กรรมของคน

๐ เพียงหวังพึ่ง เทวดา ครูอาจารย์
อยากให้ท่าน มาช่วย ให้ได้ผล
นั่งงอมือ งอเท้า ไม่ดิ้นรน
รอกุศล เมตตา ครูอาจารย์

“ความสำเร็จ จะเกิดได้ ต้องหมายมั่น
ต้องช่วยกัน ทำกิจ คิดประสาน
ทั้งภายนอก และภายใน ให้ทันการ
ผลของงาน จึงออกมา น่าพอใจ”

๐ ตนเองนั้น ต้องช่วย ตนเองก่อน
บุญจะย้อน กลับมา หาเราใหม่
บารมี ครูอาจารย์ ท่านให้ไป
ส่งผลให้ ได้พบ ประสพดี

๐ ประสพสุข สำเร็จ เพราะเสร็จกิจ
นำชีวิต ก้าวไป ได้ถูกที่
ทั้งทางโลก และทางธรรม นำชีวี
ก็จะมี แต่ความสุข ไม่ทุกข์เอย….

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๒ เมษายน ๒๕๖๔…