เรียงร้อยธรรมตามรายทาง

…เรียงร้อยธรรมตามรายทาง…

…ดูหนังดูละครแล้วจงย้อนมาดูกายให้ใจของเรานั้นมาอยู่กับเนื้อกับตัวไม่หลงเมามัวไปตามกิเลสและตัณหามีสติสัมปชัญญะระลึกรู้และรู้ตัวทั่วพร้อมน้อมเข้ามาระลึกรู้ถึงกายและจิตของตัวเองดูกาย ดูจิต ให้รู้ความคิด ให้รู้การกระทำมีคุณธรรมคือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป คุ้มครองจิตในการที่จะคิดและในการที่จะกระทำ ทำได้อย่างนั้นแล้วท่านจะพบกับความสุขในชีวิต…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมตามรายทาง”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๔

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๔…

…จงกล่าวธรรม เพื่อธรรม กล่าวธรรมโดยธรรม ทำหน้าที่โดยการกล่าวธรรมซึ่งต้องให้เหมาะสมกับจังหวะ เวลา โอกาสสถานที่และบุคคล คือต้องรู้จักกาละเทศะไม่กล่าวธรรมพร่ำเพรื่อ ต้องให้เหมาะกับกาลการกล่าวธรรมนั้นจึงจะบังเกิดผล ก่อให้เกิดความเจริญในธรรมและได้รับการสนองตอบเพราะชอบด้วยกาล เวลา คือถูกที่ ถูกทางและถูกธรรม…

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๔”

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๘

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๘…

…โลกและธรรม นำชี้ บทชีวิต
ก่อเกิดกิจ กันไป อย่างลึกล้ำ
สิ่งที่คิด สิ่งที่เห็น นั้นเป็นธรรม
เป็นประจำ ในชีวิต คิดใคร่ครวญ

…เพราะธรรมะ นั้นคือ ธรรมชาติ
ตามโอกาส และจังหวะ ตามสัดส่วน
สิ่งที่ทำ สิ่งที่คิด กิจที่ควร
ทุกสิ่งล้วน คือธรรม ตามความจริง

…ธรรมะนั้น อยู่ใกล้ ในชีวิต
ถ้าหากจิต ของเรา นั้นหยุดนิ่ง
ก็จะรู้ และเห็น ความเป็นจริง
สรรพสิ่ง ล้วนคือธรรม ที่นำพา

…คือความจริง ทั้งหลาย ในโลกนี้
สิ่งที่มี สิ่งที่เห็น ได้ศึกษา
คือความจริง ใช่สิ่งหลอก โลกมายา
คือธัมมา ธรรมชาติ ที่เป็นไป

…มันคือกฎ ของโลก ที่เป็นอยู่
มันเป็นคู่ กันมา ทุกสมัย
โลกและธรรม คู่กัน นั้นเรื่อยไป
เกิดจากใจ จากจิต ที่คิดจริง

…เมื่อใจรับ ความเป็นจริง สิ่งทั้งหลาย
พบความหมาย ในชีวิต สรรพสิ่ง
ก็จะเห็น โลกธรรม ตามความจริง
สรรพสิ่ง มันก็เป็น เช่นนั้นเอง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๖ มกราคม ๒๕๖๕…

เรียงร้อยธรรมตามรายทาง

…เรียงร้อยธรรมตามรายทาง…

…จิตที่ส่งออกคิดแต่เรื่องภายนอกเป็นสมุทัย คือเหตุให้เป็นทุกข์จิตจะเป็นสุขเมื่อจิตเห็นจิตเห็นความคิดเห็นการกระทำยอมรับในความเป็นจริงของสรรพสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตเป็นนิโรธคือเห็นความดับไปเห็นที่สิ้นสุดบทพิสูจน์ไม่ใช่เพียงความคิดหรือคำพูด แต่เป็นการกระทำน้อมนำสิ่งเหล่านั้นมาประพฤติปฏิบัติให้เห็นใน “ปัจจัตตัง” ท่านก็จะเข้าถึงซึ่งความเป็น “ตถตา รู้ว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง”

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมตามรายทาง”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๓

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๓…

…ที่ผ่านมาเราไปยึดถือสิ่งที่ไร้สาระเอามาเป็นสาระ ทำให้เสียเวลาในการปฏิบัติธรรม การพัฒนาทางจิตเลยไม่ก้าวหน้า เพราะมัวแต่เสียเวลาอยู่กับสิ่งไร้สาระตามกระแสของโลกซึ่งเมือได้ทบทวนพิจารณาดูแล้วจึงได้รู้ว่าเรายังเป็นผู้ประมาทในชีวิต…

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๓”

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๗

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๗…

…หลากหลายเรื่องราวและลีลาของชีวิตเรียนรู้ถูกผิดด้วยการกระทำ วิเคราะห์จดจำในเนื้อหาสาระ รู้คุณ รู้โทษ รู้สิ่งที่เป็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ในสิ่งที่ได้ผ่านมา กาลเวลาคือบททดสอบของชีวิตมิใช่ความผิดพลาดหรือความล้มเหลวทุกสิ่งที่ผ่านมานั้นคือการเรียนรู้ของชีวิตมันคือบทเรียนของชีวิต ที่จะกำหนดทิศทางของชีวิตในอนาคต…

อ่านเพิ่มเติม “จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๗”

ปรารภธรรมในยามใกล้ค่ำที่เริ่มหนาว

…ปรารภธรรมในยามใกล้ค่ำที่เริ่มหนาว…

…การมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม เรียกว่า ทำความเพียร ไม่จำเป็นว่าต้องนั่งสมาธิเดินจงกรม จึงจะเรียกว่าทำความเพียรถ้าไม่มีสติรู้ตัว ฟุ้งซ่านไป คิดไปเรื่อยก็ไม่เรียกว่าทำความเพียร ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด จะยืน เดิน นั่ง นอนถ้าเรามีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ในขณะนั้น จึงเรียกว่าเรากำลังทำความเพียร

อ่านเพิ่มเติม “ปรารภธรรมในยามใกล้ค่ำที่เริ่มหนาว”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๒

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๒…

…”ความพยายามพวกเธอต้องทำเอาเอง ตถาคตเป็นเพียงผู้ชี้บอกเท่านั้น”
“ตุมฺเหหิ กิจฺ อาตปฺปํ อกฺขาตาโร ตถาคตา”…
…พุทธภาษิต ธรรมบท ๒๕/๔๓…

…ในส่วนลึกของจิตใต้สำนึกนั้นทุกคนย่อมจะมีจิตสำนึกแห่งความใฝ่ดีซ่อนอยู่เสมอ เพียงแต่บางครั้งยังไม่ได้แสดงออกมา เพราะเงื่อนไขของเรื่องจังหวะ เวลา โอกาส สถานที่และตัวบุคคลนั้น ยังไม่เอื้ออำนวย ไม่เปิดโอกาสให้แสดงออกมาได้ในสิ่งนั้น

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๒”

จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๖

…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๖…

…เรียบเรียงธรรมเป็นคำกวี…

๐ มองโลก และมองธรรม
แล้วน้อมนำ มาปรับใช้
กับสิ่ง ที่เป็นไป
เพื่อให้เหมาะ สมกับกาล

๐ สติ ระลึกรู้
การตามดู จิตเป็นงาน
รู้ตน รู้ประมาณ
นั้นคือผู้ ประพฤติธรรม

๐ รู้กาย และรู้จิต
รู้ที่คิด รู้ที่ทำ
รู้ชอบ ประกอบกรรม
สิ่งนั้นหรือ คือความดี

๐ ความดี เริ่มที่จิต
เริ่มจากคิด ไม่ผิดที่
คิดดี และพูดดี
สิ่งที่คิด กิจที่ทำ

๐ รู้ธรรม และเห็นธรรม
ถ้าไม่ทำ ก็ก่อกรรม
รู้แล้ว ไม่น้อมนำ
เกิดผิดพลาด ให้เสียงาน

๐ รอยทางและรอยธรรม
ได้น้อมนำ ธรรมกล่าวขาน
บอกเล่า ประสพการ
ที่ผ่านมา เพื่อชี้แจง

๐ มากมาย หลายมุมมอง
ที่กลั่นกรอง มาแถลง
บอกเล่า ความเปลี่ยนแปลง
บนหนทาง ที่ผ่านมา

๐ ให้รู้ และให้คิด
ให้พินิจ ให้ศึกษา
เสริมสร้าง ทางปัญญา
เพิ่มทักษะ ให้แก่ตน

๐ เป็นคน ควรจะคิด
ให้ชีวิต มีเหตุผล
คุ้มค่า คำว่าคน
พิสูจน์ได้ ด้วยเวลา…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๔ มกราคม ๒๕๖๕…

บันทึกธรรมย้ำเตือนตน

…บันทึกธรรมย้ำเตือนตน…

…อดีตคือความทรงจำ ปัจจุบันคือความเป็นจริง อนาคตคือความฝันและจินตนาการ คือคำพูดและโวหารในเชิงกวีที่กล่าวกันมาแต่ในความเป็นจริง

…จงทำจิตให้หยุดนิ่งแล้วขจัดสิ่งที่เป็นขยะของอารมณ์ออกไปคงเหลือไว้แต่สิ่งที่ดีมีสาระมีประโยชน์ไม่เป็นทุกข์ เป็นภัยเป็นโทษต่อกุศลทั้งหลายเพื่อให้มีความเจริญในธรรมรุดหน้ายิ่งๆขึ้นไป

…มองดูโลกที่สับสนวุ่นวายให้คล้ายดูหนังดูละคร ทุกบททุกตอนล้วนแล้วแต่มายาที่ถูกกำหนดมาด้วยกฎแห่งกรรมพยายามทำจิตใจให้อยู่เหนือโลกธรรม ๘ ทวนกระแสแห่งโลกมายา แล้วเราจะพ้นจากความทุกข์ความเศร้าความโศกจากโลกมายานี้ได้…

…ทุกชีวิตย่อมมีจุดหมายอย่าปล่อยให้ผ่านไปโดยไร้ค่าอย่าปล่อยวันเวลาให้สูญเปล่าชีวิตเรานั้นควรจะมีเป้าหมายฝันนั้นอาจจะตั้งไว้ไม่ไกลแต่เรานั้นต้องเดินไปให้ถึงทำซึ่งความฝันนั้นให้เป็นจริงไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินจะกระทำ

…หนทางสู่ความสำเร็จนั้นอาจจะยังอยู่อีกยาวไกลแต่จงอย่าได้หวั่นไหวท้อใจขอเรามีความตั้งใจที่มั่นคงเดินในเส้นทางที่ตรงสู่ความฝันระยะทางสู่ความสำเร็จนั้นมันย่อมสั้นลงมาทุกขณะอย่าไปสนใจในระยะของเส้นทาง

…ทุกอย่างย่อมจะมีความสำเร็จได้ถ้าหากเรานั้นมีความตั้งใจและพยายามเดินตามความฝันของเรานั้นต่อไปไม่ท้อถอยหรือหวั่นไหวกับอุปสรรคปัญหามีความศรัทธาและเชื่อมั่นในความดีที่กระทำสิ่งนั้นย่อมจะนำไปสู่ความสำเร็จของชีวิตในสิ่งที่ตนคิดและกิจที่ตนนั้นปรารถนาเพราะว่าความสำเร็จของชีวิต

…อยู่ที่จิตคิดว่าพอ…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕…