เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๕๐

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๕๐…

…บนเส้นทางสายธรรมจากอดีตสู่ปัจจุบัน…

…ค้นพบบันทึกเล่มเก่าที่เขียนไว้เมื่อ ๒๐ กว่าปีที่แล้ว มีเรื่องราวมากมายที่ได้เขียนบันทึกไว้ในสมุดเล่มนั้น เปิดอ่านที่ละหน้าแล้วพิจารณาย้อนกลับไปในอดีต

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๕๐”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๙

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๙…

…สรรพสิ่งไม่หยุดนิ่งเคลื่อนไหวแปรเปลี่ยนไปตามจังหวะและฤดูกาลเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ไม่นานก็ดับสะลายไปสิ่งใหม่ก็เคลื่อนไหวเกิดขึ้นแทนที่เป็นอย่างนี้ต่อเนื่องสืบต่อเรื่อยมาจนไม่รู้ว่ามีการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเพราะว่าจิตใจนั้นหลงใหลเผลอสติลืมกายลืมจิตไม่ได้คิดพิจารณาจึงไม่รู้ว่ามีการเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปทุกขณะ…

…ธรรมะเป็นเรื่องของการกระทำไม่ใช่คำสอนที่อยู่ในคัมภีร์หรือใบลานไม่ใช่การอ่านให้จำได้แล้วเอาไปอวดรู้ธรรมะทั้งหลายอยู่ที่กายและที่จิตอยู่ในทุกความคิดและทุกอย่างที่ทำเพราะว่าธรรมะนั้นคือธรรมชาติของจิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามจังหวะเวลาและโอกาส สอดคล้องกับความเป็นจริงของธรรมชาติทั้งหลาย…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๙ เมษายน ๒๕๖๕…

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๘

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๘…

…เมื่อศรัทธาเกิดขึ้น จงรักษาศรัทธานั้นให้เพิ่มกำลังยิ่ง ๆ ขึ้นไป เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับตัวของเราเองและเราต้องมีความศรัทธาในตัวของเราก่อนเป็นลำดับแรก คือเชื่อในสิ่งที่คิดและในสิ่งที่ทำศรัทธาในตนเองนั้น แตกต่างกันกับการยึดถือในตนเอง ซึ่งการยึดมั่นถือมั่นในตนเองนั้นเรียกว่า อัตตา มานะทิฏฐิ คือเชื่อในสิ่งที่ผิดเป็นการคิดเข้าข้างตนเอง โดยการเอาความรู้สึกนึกคิดของตนเองมาเป็นตัวตัดสิน

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๘”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๗

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๗…

…ธรรมารมณ์ เป็นของละเอียดอ่อนไร้รูป ไร้รส ไร้กลิ่น ไร้เสียง ไร้การสัมผัสเป็นนามธรรมที่จับต้องมิได้ เป็นสิ่งที่เกิดภายใน มีใจเป็นตัวรับรู้และแผ่ออกมากระทบกับจิต ทำให้จิตแปรเปลี่ยนไปจิตของเราเหมือนภาชนะที่ว่างเปล่าเอาอะไรมาใส่ มันก็จะรองรับบรรจุสิ่งนั้นไว้เป็นห้องว่างที่ใครผ่านมาก็เข้าไปพักได้เราผู้เป็นเจ้าของห้องจึงต้องมีหน้าที่ที่จะต้องคอยดูแลรักษาและป้องกันมิให้สิ่งไม่ดีทั้งหลายเข้ามาอยู่อาศัยโดยการพิจารณาแยกแยะกุศลและอกุศลที่จรมา รับไว้แต่สิ่งที่ดีมีสาระ ต่อการดำเนินชีวิตทางจิตของเรา ปฏิเสธสิ่งที่ไม่เป็นสาระไม่เกิดประโยชน์ เป็นทุกข์เป็นภัยเป็นโทษ มิให้เข้ามาอยู่อาศัยในจิตของเรา…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๗”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๖

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๖…

….การปฏิบัติธรรม หน้าที่ของเราก็คือทำ ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์อย่าได้ไปคาดหวังและตั้งเวลาต่อความสำเร็จ ว่าจะต้องเป็นวันนั้นวันนี้หรือเดือนนั้นปีนี้ ความเจริญในธรรมต้องอาศัยการสั่งสมอบรมอินทรีย์ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๖”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๕

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๕…

… การปฏิบัติธรรมนั้นท่านให้เป็นไปตามลำดับ เพื่อปรับธาตุ ปรับอินทรีย์ให้มีความพร้อม โดยเริ่มจากการให้ทานก่อน เพื่อปรับจิตใจให้มีความอ่อนโยน มีความเมตตา โอบอ้อมอารีมีความเสียสละ ละความเห็นแก่ตัวลงเสียก่อน ควบคู่กับการรักษาศีลเพราะการรักษาศีลนั้นคือการเจริญสติ ควบคุมกายและจิต ไม่ให้ผิดข้อวัตรปฏิบัติ มีสติควบคุมอยู่เพื่อให้ไม่ผิดศีล สิ่งที่ได้จากการรักษาศีลคือสติและองค์แห่งคุณธรรมคือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป เพราะเรามีคุณธรรมข้อนี้เราจึงไม่ล่วงละเมิดผิดศีลทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๕”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๔

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๔…

…ในส่วนลึกใต้จิตสำนึกของคนทุกคนนั้น ต่างปรารถนาอยากจะเป็นคนดี อยากจะทำความดีแต่บางทีสังคมไม่ให้โอกาสเขามนุษย์ทุกคนล้วนมีส่วนดีในจิตใจจงมองหาความดีของเขาแล้วกล่าวสรรเสริญ ให้เขาเพลินในการทำความดี

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๔”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๓

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๓…

…พิจารณาโดยโยนิโสมนสิการ…

…อย่าได้ปฏิเสธในศาสตร์และวิชาต่าง ๆ ที่มีในโลกนี้ ศึกษาค้นคว้าให้เข้าใจถึงที่มาและที่ไปในทุก ๆ ศาสตร์ ให้รู้ว่าทำไมจึงเป็นอย่างนี้ ทำไมจึงสอนกันอย่างนี้ ทำไมเขาจึงเข้าใจมันอย่างนี้มีเจตนาเป็นอย่างไร อะไรเป็นกุศโลบายในศาสตร์นั้น ๆ โดยการทดลองประปฏิบัติตามในหลักของศาสตร์นั้น ๆ แล้วใช้สติพิจารณาใคร่ครวญโดยจิตที่ละเอียดรอบคอบและแยบคาย

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๓”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๒

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๒…

…มีคำถามเกี่ยวกับการจับความรู้สึก (จิตสัมผัส) ว่ามันคืออะไรและมีวิธีการในการปฏิบัติอย่างไรจึงจะรู้และเข้าใจในเรื่องของจิตสัมผัสเหล่านั้น จึงขออธิบายแบบสั้น ๆ เพื่อให้ง่ายแก่การเข้าใจ เมื่อใจเราว่าง โปร่ง โล่ง เบา สบาย ไม่คิดอะไรอยู่ ๆ ก็มีความรู้สึกนึกคิดตัวใหม่เกิดขึ้นมาเอง โดยมิใช่การเกิดจากปรุงแต่ง นึกคิดของจิตเราสิ่งนั้นคือ “มโนสัมผัส” ที่มากระทบจิตของเราซึ่งมันขึ้นอยู่กับกำลังสติของเราว่าจะรู้ทันหรือไม่ในสิ่งที่แปรเปลี่ยนไปของจิตเราเอง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๒ เมษายน ๒๕๖๕…

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๑

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๑…

…มนุษย์ทุกคนมีความคิดถูกหรือผิดต่างรู้อยู่แก่ใจแต่ที่ยังกระทำลงไปในสิ่งผิดเป็นเพราะขาดจิตสำนึกแห่งคุณธรรมที่จะหักห้ามมิให้กระทำผิดจิตสำนึกต้องผ่านการฝึกฝนฝึกนึกฝึกคิดปรับจิตให้เป็นกุศลฝึกพูดในสิ่งที่เป็นมงคลแก่ตนและผู้อื่นฝึกกระทำในสิ่งที่คิดและพูดที่เป็นความดีเพียรกระทำอย่างนี้อย่างสม่ำเสมอจนเกิดเป็นความเคยชินและติดเป็นนิสัย

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๑”