เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๗

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๗…

…ธรรมารมณ์ เป็นของละเอียดอ่อนไร้รูป ไร้รส ไร้กลิ่น ไร้เสียง ไร้การสัมผัสเป็นนามธรรมที่จับต้องมิได้ เป็นสิ่งที่เกิดภายใน มีใจเป็นตัวรับรู้และแผ่ออกมากระทบกับจิต ทำให้จิตแปรเปลี่ยนไปจิตของเราเหมือนภาชนะที่ว่างเปล่าเอาอะไรมาใส่ มันก็จะรองรับบรรจุสิ่งนั้นไว้เป็นห้องว่างที่ใครผ่านมาก็เข้าไปพักได้เราผู้เป็นเจ้าของห้องจึงต้องมีหน้าที่ที่จะต้องคอยดูแลรักษาและป้องกันมิให้สิ่งไม่ดีทั้งหลายเข้ามาอยู่อาศัยโดยการพิจารณาแยกแยะกุศลและอกุศลที่จรมา รับไว้แต่สิ่งที่ดีมีสาระ ต่อการดำเนินชีวิตทางจิตของเรา ปฏิเสธสิ่งที่ไม่เป็นสาระไม่เกิดประโยชน์ เป็นทุกข์เป็นภัยเป็นโทษ มิให้เข้ามาอยู่อาศัยในจิตของเรา…

… จิตแท้จิตเดิมนั้นประภัสสร(งามงาม บริสุทธิ์)แต่จิตนี้เศร้าหมองแล้ว เพราะกิเลสที่เป็นอาคันตุกะได้จรมาอยู่อาศัย เคยท่องจนจำได้และนำไปพูดอยู่เสมอ แต่บางครั้งก็เผลอขาดสติลืมพิจารณา ปล่อยให้กิเลสที่เป็นอาคันตุกะที่จรมาเข้ามาอยู่อาศัยจนเป็นใหญ่ เป็นนายเรา กว่าจะรู้เท่าทันก็เกือบจะสายเกินแก้ไข…

…ขอบคุณธรรมารมณ์ที่จรมา ที่ทำให้ได้คิดพิจารณา เหมือนดั่งคำที่ว่า “ทุกข์ไม่มาปัญญาไม่มีบารมีไม่เกิด”…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๗ เมษายน ๒๕๖๕…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *