รำพึงธรรมในยามดึกกับโลกใบนี้

…รำพึงธรรมในยามดึกกับโลกใบนี้…

…โลกใบนี้มันเป็นเช่นนั้นเอง ไม่มีความเที่ยงแท้ ผันแปรเป็นไปตามกฎของพระไตรลักษณ์ นั้นคือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยงแท้ เป็นทุกข์ยึดถืออะไรไม่ได้ ฤดูกาลอาจเปลี่ยนแปลงไปแต่จิตใจอย่าเปลี่ยนแปลง ขอให้ความศรัทธามั่นคงในคุณงามความดีจงคงอยู่ อยู่กับธรรมและจงมีธรรมเป็นเครื่องอยู่คุ้มครองจิตถึงโลกนี้จะวิปริต แต่จิตใจอย่าหวั่นไหวไปตามมัน ขอให้ศรัทธาในธรรมนั้นจงมั่นคงและยืนยาวตลอดไป

…เพียงรู้ธรรม เห็นธรรม เข้าใจธรรม แต่ยังไม่ได้ทำ ไม่ได้นำมาปฏิบัติถือว่ายังอยู่นอกธรรม เพราะยังไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ เป็นเพียงผู้ดูผู้รู้ผู้เห็นแต่ยังไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติธรรม เหมือนกับคนที่ยืนดูอยู่นอกตัวอาคาร เมื่อสายฝนตกลงมาย่อมจะเปียกปอนเพราะว่าไม่มีที่มุงที่บังหลังคาที่จะป้องกันฝน เหมือนกับคนที่ไม่ได้อยู่ในธรรมไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่เมื่อโลกนี้วุ่นวาย ใจของเขาย่อมเป็นทุกข์ไปกับมัน

…โลกใบนี้ “มันก็เป็นเช่นนั้นเอง” ตามที่พระพุทธองค์ได้ทรงพยากรณ์ไว้ว่า “จิตใจคนจะเสื่อมไปจากคุณธรรมตามกาลและเวลา จนสิ้นสุดพระศาสนาเมื่อครบ ๕,๐๐๐ ปี” เพราะโลกนี้เปลี่ยนแปลงไปตามกฎของพระไตรลักษณ์

…“ขอเพียงความเสื่อมนั้นอย่าได้เกิดจากตัวเราเป็นผู้กระทำก็เพียงพอแล้ว”…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *