บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒…

…ในบางครั้งต้องแกล้งโง่ แกล้งบ้า และนิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว วิธีการอย่างนี้ต้องใช้ให้เหมาะสมกับจังหวะ เวลา โอกาส สถานที่และตัวบุคคล มันจึงจะได้ผล ทุกอย่างนั้นต้องมีการวิเคราะห์และพิจารณาว่าควรจะทำอย่างไร ซึ่งเราต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและแก้ไข ให้เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่เสมอ

…สัพเพ ธัมมา อนัตตา สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ทั้งที่เป็นสังขารและมิใช่สังขารทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ควรถือว่าเรา ว่าของเราว่าตัวว่าตนของเรา ธรรมเป็นสัจธรรมที่อยู่คู่กับโลกและธรรมชาติตลอดมา

…แต่ความเป็นอนัตตานั้นคือการนำมาปรับใช้ให้เหมาะสม ซึ่งเราจะไปยึดติดกับข้อใดข้อหนึ่งอยู่ตลอดไม่ได้ ต้องมีการปรับใช้ให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา ตามสถานการณ์ เพราะเงื่อนไขเหตุและปัจจัยของเหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงขึ้นกับ จังหวะ เวลาโอกาส สถานที่ และตัวบุคคล มาเป็นเหตุผลในการพิจารณาเพื่อจะหาข้อธรรมมาสงเคราะห์ให้เหมาะสม

….การที่เรานิ่งสงบไม่แสดงออก ไม่มีการตอบโต้ใด ๆ มันทำให้เขาอ่านใจเราไม่ออก ไม่รู้ว่าเราคิดอะไรและจะทำอะไร แต่ถ้าเราเคลื่อนไหวตอบโต้ เขาจะอ่านเราออกได้ว่าเรารู้สึกอย่างไร

…การนิ่งสงบและการแกล้งโง่ บางครั้งนั้นมันบอกอะไรเราได้มากมายหลายอย่าง เราจะได้รู้ ได้เห็นและเข้าใจในพฤติกรรมของคนรอบข้างได้ว่า มีความคิดอุปนิสัยอย่างไร ภูมิธรรม ภูมิปัญญา ระดับไหน มันจะบอกเราได้ โดยการนิ่งสงบและแกล้งโง่แกล้งบ้า ดั่งที่เคยกล่าวว่า นิ่งไม่เป็น โง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ยาก

…เพราะบางครั้งที่เราแสดงความคิดอวดฉลาดอวดรู้ออกไปนั้น มันเป็นการเอาความโง่ของเราออกมาประจานตัวเราเอง คำพูดและการกระทำมันสามารถที่จะนำมาวิเคราะห์ว่าเขาเป็นอย่างไร มีภูมิธรรม ภูมิปัญญาระดับไหน มาจากความจริงใจหรือว่าเป็นการเสแสร้งมายา เมื่อใจเรานิ่งย่อมจะมีเวลาที่จะตั้งสติและมีสมาธิในการคิดพิจารณา สติ สมาธิ ปัญญา คือแนวทางของการแก้ปัญหาทุกอย่างของชีวิต…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๘ เมษายน ๒๕๖๔…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *