ใคร่ครวญธรรมในยามค่ำคืน

…ใคร่ครวญธรรมในยามค่ำคืน…

…เมื่อเราได้มีเวลาทบทวนพิจารณาสิ่งที่ผ่านมาในอดีตของเรา ทำให้เราได้เห็นความประมาท ความผิดพลาดในการดำเนินชีวิตของเราที่ผ่านมาเราไปติดอยู่เพลินอยู่กับความสะดวกสบาย ในสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายทำให้เราไม่เห็นทุกข์คลุกคลีกับหมู่คณะเกินไป จนทำให้การปฏิบัติย่อหย่อน ซึ่งเมื่อเราได้พิจารณาและเห็นในสิ่งนั้น เห็นในความประมาทและผิดพลาดของตัวเรา

…จึงทำให้เราระลึกได้ในหลักธรรมเรื่อง “อัตตา ตัวกู ของกู” ที่เคยได้ศึกษามา เพราะว่าอัตตานั้น มันจะบดบังสัจธรรมที่แท้จริง เราต้องเปิดโลกทัศน์ ชีวะทัศน์ ทำลายอัตตาลบภาพมายาทั้งหลายให้หายไปแล้วเราจะได้พบกับ “สัจธรรม”ธรรมชาติของจิตที่แท้จริง…

…ดีหรือชั่ว นั้นรู้ อยู่แก่จิต…

๐ วันเวลา ผ่านไป ไม่หวนกลับ
เกิดแล้วดับ สลับกัน นั้นเสมอ
มีเรื่องราว มากมาย ให้เจอะเจอ
อย่าพลั้งเผลอ มีสติ ควรตริตรอง

๐ ดีหรือชั่ว นั้นรู้ อยู่แก่จิต
ถูกหรือผิด จำไว้ ในสมอง
ให้ถูกต้อง ตามธรรม ตามครรลอง
อะไรถูก อะไรต้อง จงตรองดู

๐ มีสติ อยู่กับกาย และกับจิต
ควรพินิจ ศึกษา และใฝ่รู้
มีตัวอย่าง มากมาย ให้เป็นครู
ให้เรารู้ กายจิต ก่อนคิดทำ

๐ จะไม่พลาด ไม่พลั้ง เพราะยั้งคิด
ไม่เผลอจิต ปล่อยไป ให้ถลำ
ให้โมหะ อัตตา เข้าครอบงำ
ประกอบกรรม ทำบาป ที่หยาบคาย

๐ มีสติ เตือนตน จึงพ้นผิด
มีความคิด คุณธรรม นำจุดหมาย
มีศรัทธา แต่อย่าเชื่อ อย่างงมงาย
มีจุดหมาย จุดยืน ที่แน่นอน

๐ ยึดถือหลัก พรหมวิหาร ประการสี่
มีเมตตา ไมตรี ไม่หลอกหลอน
กรุณา ปราณี ตามขั้นตอน
มุทิตา โอนอ่อน เมื่อทำดี

๐ อุเบกขา นั้นมา เป็นสุดท้าย
ไม่คาดหมาย ทำไป ตามหน้าที่
ไม่หวังสิ่ง ตอบแทน เมื่อทำดี
อุเบกขา เมื่อหน้าที่ เราสมบูรณ์

๐ พรหมวิหาร คือฐาน แห่งพุทธะ
ในทสะ บารมี มิเสื่อมสูญ
ยิ่งให้มาก ยิ่งได้มา ทวีคูณ
จะเพิ่มพูน บุญกุศล ให้ตนเอง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *