รำพึงธรรมและคำกวีในยามดึก

…รำพึงธรรมและคำกวีในยามดึก…

…ย้ำเตือนอยู่เสมอว่า “จงเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านกาลเวลา ผ่านมาแล้วก็จากไป ทิ้งไว้เพียงความทรงจำที่งดงามตามรายทาง”…

…เป็นกรรมกรธรรม ใช้โยธากัมมัฏฐานเพื่อเป็นการเจริญสติและสัมปชัญญะยังให้เกิดประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านเป็นลดละซึ่งมานะและอัตตา ความโลภความหลงในโลกธรรม ๘ อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ดำเนินชีวิตไปตามวิถีทางที่มุ่งหวัง เป็นไปเพื่อให้ความเจริญในธรรมนั้นบังเกิด ชีวิตที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ มันก็คือกำไรของชีวิต…

…อ้อมกอด ของขุนเขา
ใต้ร่มเงา พงพนา
ทบทวน สิ่งผ่านมา
ระลึกรู้ ในทางธรรม

…สร้างงาน และสร้างคน
บุญกุศล นั้นเลิศล้ำ
เกิดจาก กุศลกรรม
ในอดีต ให้เป็นไป

…เหนื่อยกาย แต่ใจสุข
ใจไม่ทุกข์ จิตแจ่มใส
ปีติ หล่อเลี้ยงใจ
ให้สำเร็จ จนเสร็จงาน

…คิดดี และทำดี
ก็จะมี ศรัทธาทาน
เอาธรรม นำประสาน
ผลงานจึง ประจักษ์ตา

…ใช่หวัง จะดังเด่น
เหมือนดั่งเช่น คำกล่าวหา
ทำด้วย จิตศรัทธา
บทหนทาง สัจธรรม

…พิสูจน์ ซึ่งคำสอน
ด้วยการย้อน มากระทำ
เชื่อมั่น ในเรื่องกรรม
จึงพิสูจน์ ให้เห็นจริง

…ธรรมะ พิสูจน์ได้
ปรับเข้าใช้ กับทุกสิ่ง
ธรรมะ คือของจริง
นิ่งสงบ จะพบธรรม

…เห็นธรรม แล้วทำต่อ
อย่ารั้งรอ จงรีบทำ
ให้เกิด กุศลกรรม
นำชีวิต สู่แนวทาง

…นำทาง สร้างชีวิต
มีถูกผิด เป็นแบบอย่าง
ฝึกลด และละวาง
ให้ห่างจาก ทางอบาย

…มานะ และทิฐิ
ฝึกสติ ก่อนจะสาย
ลดละ แล้วสบาย
เพราะจิตว่าง จากอัตตา

…มองโลก แล้วมองธรรม
สตินำ แก้ปัญหา
ก่อเกิด ซึ่งปัญญา
เมื่อจิตนั้น เข้าถึงธรรม…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *