…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๙๑…
…ระลึกนึกถึงพุทธพจน์ที่พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า…
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ศีลนี้เองเป็นพื้นฐานให้เกิดสมาธิ คือความสงบใจ สมาธิที่มีศีลเป็นเบื้องต้นเป็นสมาธิที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก บุคคลผู้มีสมาธิย่อมอยู่อย่างสงบเหมือนเรือนที่มีฝาผนัง มีประตูหน้าต่างปิดเปิดได้เรียบร้อย มีหลังคาป้องกันลมแดดและฝน ผู้อยู่ในเรือนเช่นนี้ฝนตกก็ไม่เปียก แดดออกก็ไม่ร้อน ฉันใดบุคคลผู้มีจิตเป็นสมาธิดีก็ฉันนั้น ย่อมสงบอยู่ได้ไม่กระวนกระวายเมื่อลมแดดและฝน”
..กล่าวคือโลกธรรมแผดเผา กระพือพัดซัดสาด เข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า สมาธิอย่างนี้ย่อมก่อให้เกิดปัญญา ในการฟาดฟันย่ำยีและเชือดเฉือนกิเลสอาสาวะต่างๆให้เบาบางและหมดสิ้นไปเหมือนบุคคลผู้มีกำลังจับศาสตราอันคมกริบ แล้วถางป่าให้โล่งเตียนก็ปานกัน
…นั้นคืออานิสงส์แห่งการฝึกสติโดยการรักษาศีล มีศีลเป็นพื้นฐาน ในการเจริญจิตตภาวนา ตามหลักปฏิบัติของพระพุทธศาสนาในไตรสิกขาบททั้ง ๓ ประการของพระภิกษุสงฆ์อันได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕…