…ปรารภธรรมก่อนรุ่งอรุณ…
…การปฏิบัติธรรมในบวรพระพุทธศาสนาทั้งสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน เราต้องละปลิโพธความกังวลห่วงใยในทุกสิ่งทุกอย่าง วางจากภาระพันธะทั้งปวงต้องมีใจเป็นอิสระเป็นการปฏิบัติที่จะต้องห่างไกลจากหมู่คณะ เพราะเป็นทางเดียว ทำคนเดียว สำเร็จคนเดียวแม้พระศาสดาและผู้เป็นกัลยาณมิตรตลอดจนผู้อุปถัมภ์ ผู้ให้ความสนับสนุนทั้งหลายนั้น ก็เป็นเพียงผู้ชี้ทางและบำรุงส่งเสริมเท่านั้น
…ปลิโพธ ๑๐ ประการที่จะต้องละวางนั้นคือ
๑. ไม่ห่วงกังวลกับที่อยู่อาศัย
๒. ไม่ห่วงกังวลกับสกุลเชื้อสาย เผ่าพันธุ์
๓. ไม่ห่วงกังวลกับเอกลาภ สักการะ
๔. ไม่ห่วงกังวลกับหมู่คณะ
๕. ไม่กังวลกับธุรกิจหน้าที่การงาน
๖. ไม่กังวลกับการเดินทาง
๗. ไม่ห่วงกังวลในหมู่ญาติพี่น้อง
๘. ไม่กังวลเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่
๙. ไม่กังวลในการศึกษาเล่าเรียน
๑๐. ไม่กังวลหวังผลในความสำเร็จและการแสดงฤทธิ์
…ปลิโพธทั้ง ๑๐ ประการนี้เป็นสิ่งเบื้องต้นที่ผู้จะปฏิบัติต้องฝึกละวาง…
…หลบหลีก หมู่คณะ
เพื่อลดละ ปลิโพธ
เพียรเพ่ง ให้เห็นโทษ
การคลุกคลี กับหมู่คน
…ทางธรรม ต้องละวาง
ให้ออกห่าง อกุศล
ตัณหา และตัวตน
กิเลสล้วน อันตราย
…เจริญ เมตตาจิต
เพื่อผูกมิตร ไม่มุ่งร้าย
ความโกรธ ต้องจางคลาย
ให้อภัย ไม่เกลียดกัน
…มองโลก แล้วมองธรรม
กฎแห่งกรรม เป็นเช่นนั้น
อย่าให้ ความสำคัญ
กับทางโลก จนลืมธรรม
…บทเรียน ของชีวิต
ย้ำเตือนจิต ให้จดจำ
ไม่ให้ หลงถลำ
หวนคืนกลับ สู่ทางเดิม
…ทบทวน ปฏิบัติ
ในข้อวัตร เพื่อสร้างเสริม
กุศล ต้องต่อเติม
เจริญจิต ภาวนา
…อยู่กรรม ปฏิบัติ
ตามข้อวัตร เพียรรักษา
เจริญ จิตเมตตา
ชำระศีล ให้งดงาม
…ละวาง ซึ่งทางโลก
ลืมทุกข์โศก ก้าวพ้นข้าม
ทางธรรม ต้องทำตาม
สมณะ พึงกระทำ…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๘ มิถุนายน ๒๕๖๕…