ปรารภธรรมคำกวีก่อนทำวัตรเช้า

…ปรารภธรรมคำกวีก่อนทำวัตรเช้า…

…หลักธรรมนั้นมีทั้งโลกียะและโลกุตระธรรมะสำหรับผู้ครองเรือนและบรรพชิตฉะนั้นเราต้องนำเสนอให้เหมาะสมกับบุคคลอย่าเอาธรรมะสำหรับบรรพชิตนักบวชไปยัดเยียดให้ฆราวาสผู้ครองเรือนเขาปฏิบัติเพราะมันจะขัดกับวิถีชีวิตประจำวันและการดำเนินชีวิตของเขา เราต้องรู้จักความพอดีและเหมาะสม จังหวะเวลา โอกาส สถานที่และบุคคล ว่าสมควรจะใช้วิธีไหนและทำอย่างไร เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งจะทำให้การนำเสนอธรรมนั้นจะเป็นไปด้วยดีและมีผู้ปฏิบัติตาม มีความเจริญงอกงามในธรรม โดยที่เขานั้นไม่รู้ตัว…

…ขอความเจริญในธรรมจงมีแก่ท่านทั้งหลายตามเหตุและปัจจัยที่ท่านทั้งหลายได้กระทำบำเพ็ญมา…

…จงเตรียมกาย เตรียมจิต เพื่อคิดทำ
แล้วน้อมนำ ทำด้วย มีสติ
ทำจิตนั้น ให้เป็น สมาธิ
ฝึกดำริ คือคิด ก่อนจะทำ

…จงมองงาน ให้แตก แล้วแยกงาน
อย่าข้ามผ่าน พินิจ จงคิดซ้ำ
วางแผนงาน มองด้วย หลักของธรรม
ความเพลี่ยงพล้ำ ไม่เกิด แก่ตัวเรา

…ให้รู้เห็น เข้าใจ ในปัญหา
ใช้ปัญญา ทำให้ ไม่โง่เขลา
จงทำกาย ทำจิต ให้โปร่งเบา
ให้รู้เท่า รู้ทัน ในอารมณ์

…ชีวิตนั้น เกิดมา เพื่อทำงาน
มันต้องผ่าน ซึ่งการ ที่สั่งสม
ได้เรียนรู้ สู่โลก และสังคม
ให้เหมาะสม กับกาล วันเวลา

…เมื่อรู้โลก รู้ธรรม มานำจิต
เพ่งพินิจ มุ่งมั่น การศึกษา
จงเจริญ สติ ภาวนา
ให้ปัญญา เกิดได้ จากสายธรรม

…จงเอาธรรม นำทาง สร้างชีวิต
เพื่อยกจิต ไม่ให้ ไปใฝ่ต่ำ
ประกอบการ งานดี กุศลกรรม
เดินตามธรรม สายทาง สร้างความดี…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๕…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *