…รำพึงธรรมกับธรรมชาติ…
…สายลม สายน้ำ แสงแดดและขุนเขา…
…สายลม
โอบกอดเมฆหมอกบนฟ้า
เริงร่าเคลื่อนคล้อยลอยไหล
ใบไม้ต้องลมแกว่งไกว
เมฆน้อยลอยไหลไปมา
ท้องฟ้าเมื่อคราหลังฝน
ที่เคยหมองหม่นก็แจ่มใส
เมฆหมอกครึ้มดำก็เปลี่ยนไป
กลายเป็นเมฆใหม่นวลตา
…สายน้ำ
ไหลรินเรื่อยไปไม่ขาดสาย
หลังฝนสายน้ำก็กลับกลาย
จากที่เคยใสเป็นขุ่นแดง
ไหลแรงและสูงขึ้นกว่าเดิม
ฝนเติมกำลังให้กับสายน้ำ
สายน้ำเมื่อยามหลังฝน
ขุ่นข้นและไหลเชี่ยวแรง
…แสงแดด
สาดส่องผ่านม่านเมฆหมอก
บ่งบอกให้รู้ว่าฟ้าแจ่มใส
คือฟ้าหลังฝนที่เปลี่ยนไป
กลับมาแจ่มใสหลังมืดมน
ปลุกปลอบใจคนให้ตื่นฟื้นมา
ผีเสื้อ แมงปอเริงร่าออกโบยบิน
ไอกลิ่นของดินลอยโชยมา
… ขุนเขา
สงบนิ่งตั้งเด่นตระหง่าน
ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งกระทบ
แต่รับรู้ถึงการมาเยือน
ของสายลม สายน้ำ แสงแดด
เก็บเกี่ยวประโยชน์จากผู้มาเยือน
ยอมรับกับสภาพที่เป็นไป
ดูเหมือนเข้มแข็งแต่กลับอ่อนไหว
…สายลม สายน้ำ แสงแดด ขุนเขา
เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล
เป็นอย่างนั้นมานานและต่อไป
แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นที่ใจ
ขึ้นอยู่กับจิตและวิจารณญาณ
ความอยากและความต้องการ
ของแต่ละคนในเวลาขณะนั้น
ที่แตกต่างกันด้วยสติและคุณธรรม…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๕…